ฉันไม่ใช่นางเอก 16

บทที่ 16 วันเกิด

หลังจากที่ยูนิเวิร์สลงประกาศนี้ อินเตอร์เน็ตก็ระเบิด บางคนก็มาบอกว่าในฐานะบัญชีทางการแล้วก็ไม่ควรจะสบถแบบนั้น ส่วนคนอื่นก็มาตบมือให้กับบรรณาธิการ

หลังจากนั้นแทบจะทันที บทความที่ลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์”ใกล้ชิดสนิทสนม”ระหว่างเผยอิงกับซ่งหนานชวนก็ถูกเอาออกไป

กระแสนั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และคนที่จะตามเหตุการณ์ทันนั้นมีแต่พวกที่รีเฟรสหน้าจอไม่หยุดเท่านั้น

เผยอิงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ดูสิ่งต่างๆที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลง เธอถอนหายใจให้กับประสิทธิภาพในการทำงานของยูนิเวิร์ส พิคเจอร์ แต่ขณะเดียวกันเธอก็คิดเรื่องบรรณาธิการที่ดูแลเวปไปด้วย…เจ้าอารมณ์สุดๆไปเลย

แต่ความคิดเห็นที่ก่อกวนนั้นก็ไม่ได้หยุดหรือหายไปสักนิด ที่จริงพอชาวเน็ตเห็นประกาศเป็นทางการที่เข้าข้างเธอนั้น พวกเขาก็กระโดดออกมาพูด “ดูสิ! ยูนิเวิร์ส พิคเจอร์ออกมาพูดแทนเธอ แม้แต่บทความต้นฉบับยังโดนถอดออกเลย ควบคุมความเสียหายอย่างรวดเร็วขนาดนี้ นี่ไม่ใช่หมายความว่าซ่งหนานชวนกำลังปกป้องเธออยู่เหรอ!

ชาวเน็ตอีกคนตอบ “น่าแปลกเนอะ ถึงแม้ซ่งหนานชวนจะปกป้องเธอแล้วไงล่ะ ถ้าเธอมี ‘แอนตี้แฟน’ แบบเธอ แล้วทำไมจะมีคนปกป้องเธอไม่ได้ล่ะ อ่ะ อ้ะ ถ้าซีอีโอซ่งอยากจะเอาอกเอาใจเธอ แล้วเธอจะเกี่ยวอะไรด้วย (ยิ้ม) [คนแปล: นี่เซียวจางมาตอบหรือเปล่าเนี่ย]

เผยอิง, “…”

เธอถึงขนาดโดนคนที่มาแสดงความคิดเห็นล้อเลย…

แต่แอนตี้แฟนที่มากัดคุณไม่ยอมปล่อยนั้น ไม่ฟังเหตุผลใดๆก็ตามที่คุณพูดหรอก ดังนั้นเผยอิงจึงไม่พูดอะไร เธอรีโพสข้อความที่ยูนิเวิร์ส พิคเจอร์ลงก่อนออกจากเว่ยป๋อ

หลังจากเฝ้ามองพายุเลือดก่อตัวในอินเตอร์เนต เฉินเซิงก็โทรหาเผยอิง เป็นห่วงเรื่องเธอรับมืออย่างไร เผยอิงกำลังเล่นเกมส์อยู่ พอเห็นเฉินเซิงโทรมาก็ออกจากเกมส์ก่อนตอบ “จีเอ็มเฉิน มีเรื่องอะไรเหรอคะ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”

“อ้อ ฉันสบายดีค่ะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะคะ”

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ” เฉินเซิงรู้ว่าเธอนั้นเป็นคนใจเย็น “อย่าไปสนใจเรื่องบนโลกออนไลน์มากนักเลย ลองมองจากอีกมุมดู นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอน่ะดังสุดๆไปเลยแล้วเหรอ ฉันจะช่วยเธอหาบทละครดีๆเอง ถ้ามีอะไรเหมาะๆพวกเราจะพยายามเอามาให้เธอ”

พอเธอได้ยินเฉินเซิงพูดแบบนี้ เผยอิงก็รู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี่อาจจะเป็นโชคดีในโชคร้ายก็ได้ “ขอบคุณค่ะ จีเอ็มเฉิน”

“อืมม์ อย่าเลื่อนเรื่องถ่ายโฆษณาไปล่ะ”

“ทราบแล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ จีเอ็มเฉิน”

“ดีแล้ว ฉันวางสายก่อนนะ”

หลังจากพูดสายกับเฉินเซิง เผยอิงก็เปิดเกมส์เลือกเสื้อผ้าต่อ

วันถัดมาเป็นวันที่ 1 เมษายน เป็นวันโกหก และยังเป็นวันเกิดปีที่ 23 ของเผยอิงอีกด้วย

โชคดีจริงๆที่วันนั้นเธอไม่มีงานอะไร พอเที่ยงเธอก็โดนเรียกตัวไปที่สตูดิโอของเหรินซานซาน และฉลองด้วยกัน เหรินซานซานนั้นสั่งเค้กก้อนใหญ่มาและยังเก็บกวาดสตูดิโอจนสะอาดเอี่ยมอีกด้วย

เผยอิงรู้สึกซาบซึ้งมาก เธอรู้สึกขอบคุณที่มีเหรินซานซานอยู่ข้างๆมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่เหงาเกินไป

พนักงานสองคนที่อยู่ที่สตูดิโอนั้นก็มีความสุขมากเช่นกัน นอกจากพวกเขาจะได้กินอาหารอร่อยๆแล้ว พวกเขายังอู้ได้แบบไม่โดนลงโทษอีกด้วย พวกเขาหวังว่าน่าจะเป็นวันเกิดเผยอิงทุกวัน

“สุขสันต์วันเกิด!” เหรินซานซานปักเทียนบนเค้ก เหลือบมองเผยอิง “รีบๆอธิษฐานเข้าสิ อะไรเซ็กซี่ๆหน่อยก็ดี”

เผยอิง, “…”

เธอหมายความว่าอะไรน่ะ ‘อะไรเซ็กซี่ๆหน่อยก็ดี’

นิสัยแบบยัยคนขับเฒ่าของเหรินซานซานโผล่มาอีกแล้ว “นี่มันยุคไหนแล้ว คนที่มาสนใจเธอน่ะมีแต่ยุงเท่านั้นแหละ คนให้กระเป๋า[1] เธอก็มีแต่ยุงเท่านั้นแหละ เธอไม่ควรจะอธิษฐานขอพรให้ฝันเซ็กซี่กลายเป็นจริงเหรอไง

“…ฉันไม่ได้กระหายขนาดนั้นนะ” เผยอิงยอมแพ้เรื่องที่โดนเธอแซว

เหรินซานซานกลอกตาไปมาแบบไม่พอใจ “ถึงฉันจะเดาได้ว่ามีใครบางคนสนใจเธออยู่ก็เถอะ”

ใบหน้าเผยอิงนั้นแดงขึ้นมาทันที เธอไม่สนใจเหรินซานซาน อธิษฐาน ก่อนเป่าเทียน ปีนี้ฉันขอให้ประสบความสำเร็จด้านความรัก  

เหรินซานซานเริ่มถาม “เธออธิษฐานเรื่องอะไร ทำไมดูกะลิ้มกะเหลี่ยขนาดนั้นล่ะ”

“…ลองมองกระจกดูสิจ๊ะเพื่อน แล้วเธอก็จะรู้ว่าการดูกะลิ้มกะเหลี่ยน่ะมันเป็นยังไง”

เหรินซานซานทำเสียงต่ำๆจากลำคอก่อนส่งกล่องเล็กๆที่ห่ออย่างสวยงามมาให้ “นี่ เอาไปสิ ฉันซื้อของขวัญวันเกิดมาให้เธอ”

“ขอบคุณจ้ะ” ถึงแม้เธอกำลังจะเมินเหรินซานซานอยู่ แต่ก็จะไม่ปฏิเสธของขวัญหรอก เธอรีบแกะแบบใจร้อนและอดแปลกใจไม่ได้ “ลิปสเตน”

“อืมม์ ฉันเลือกมาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ” รอยยิ้มเหรินซานซานนั้นออกจะน่ากลัวนิดๆ “เธอรู้ไหมว่าอีกชื่อหนึ่งของลิปสเตนคืออะไร สี.ล่อ.ผู้ชาย.”

เผยอิง, “…”

เหรินซานซานใช้ข้อศอกถองเผยอิง “เธอจะไปกินมื้อค่ำกับซ่งหนานชวนคืนนี้ใช่ไหมล่ะ ทานี่สิ เขาต้องจัดการเธอแน่”

เพราะน้ำเสียงและถ้อยคำสองแง่สองง่ามนั้น แก้มเผยอิงนั้นค่อยๆโดนสีชมพูแต่งแต้ม “เธอจะบ้าเหรอไง พวกเราแค่จะไปทานข้าวกันเฉยๆ”

“อ้อเหรอออออออ…” เหรินซานซานลากเสียง มองเผยอิง “อย่าบอกฉันนะว่าเธอไม่สนน่ะ คนที่คลั่งไคล้เรื่องรูปร่างหน้าตาน่ะไม่มีจริยธรรมอะไรหรอก”

เผยอิง, “…”

“เธอไม่เห็นโพสออนไลน์ที่บอกว่าพวกเธอนอนด้วยกันเหรอไง ทำไมไม่ไปนอนกับเขา แล้วคนพวกนั้นจะได้ไม่ต้องโพสอะไรที่ไม่เป็นจริงต่อไปไง” จู่ๆเธอก็ตบไหล่เผยอิงเริ่มร้องเพลงอย่างกระตือรือร้น “สาวน้อย จงเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ” [2]

เผยอิง, “…”

เธออยากจะโปะหน้าเหรินซานซานด้วยเค้กบนโต๊ะแบบสุดๆไปเลย

เพราะว่าเธอนัดเจอซ่งหนานชวนตอน 6 โมงเย็น เผยอิงจึงอยู่ที่สตูดิโอถึง บ่าย 2 ก่อนรีบกลับบ้าน

เธอต้องอาบน้ำอีกรอบ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็แต่งหน้าใหม่ด้วย

พอเธอกำลังจะทาปาก เธอก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนหยิบลิปสเตนที่เหรินซานซานให้ขึ้นมา

ใช้ล่อผู้ชายเข้ามาหาได้จริงๆน่ะเหรอ

…นี่เธอกำลังคิดอะไรเนี่ย ทำไมเธอคิดอะไรเหมือนเหรินซานซานได้ล่ะ นี่มันแค่ลิปสเตนปกติธรรมดาหลอดหนึ่งเองนะ

หลังจากเผยอิงปลอบตัวเอง เธอก็ทาลิปสเตนอย่างระมัดระวัง เธอมองสีในกระจก มันทำให้ริมฝีปากเธอดูอวบอิ่มมีเสน่ห์จริงๆ ดูนุ่มนวลเป็นสีชมพู จนรอที่จะกัดสักคำไม่ได้

อืม เหมือนว่าจะสมชื่อ “ล่อผู้ชาย” จริงด้วยสิ

…ไม่นะ!

เผยอิงรู้สึกเหมือนวิญญาณเธอกำลังโดนทรมาน

พอเธอเตรียมตัวเสร็จก็ใกล้ 6 โมง พอ  5:50, ซ่งหนานชวนก็โทรหาเธอบอกว่าเขารออยู่ข้างล่างแล้ว

เผยอิงสำรวจตัวเองในกระจกขนาดเต็ฒตัวอีกครั้งว่า ทั้งผม ชุด และเครื่องสำอางค์นั้นดูดีแล้ว ก่อนหยิบกระเป๋าเดินลงมาข้างล่าง แมวที่เธอให้อาหารบ่อยๆจู่ๆก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ พวกมันไม่ได้เข้ามาอ้อนขออาหารเธอ แต่ส่งเสียงเหมียวๆจากไกลๆ เหมือนกำลังทักทายเธอ

เผยอิงแปลเสียงเหมียวๆว่า “สุขสันต์วันเกิด” เธอยิ้ม โบกมือให้พวกมัน “ขอบคุณนะ ฉันจะทำงานหนักจ้ะ”

เธอเดินไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้อย่างร่าเริง

ซ่งหนานชวนก็ยังเหมือนครั้งก่อน เขายืนรอเธออยู่นอกรถ พอเขาเห็นเธอ ริมฝีปากก็อดยกขึ้นไม่ได้  “สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ” เผยอิงทักพร้อมรอยยิ้ม

ซ่งหนานชวนหันมาเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง พอรถเคลื่อนตัว เผยอิงก็ถาม “พวกเราจะไปทานกันที่ไหนคะ”

“ทไวท์ไลท์” ซ่งหนานชวนเอ่ยชื่อร้าน  

เป็นร้านชื่อดังในเมือง A ดังนั้นเผยอิงจึงเคยได้ยินชื่อถึงแม้จะไม่เคยมีโอกาสไปทาน เธอได้ยินมาว่าร้านนี้คือร้านระดับสูงสุดๆของตระกูลอวี้เลยที่เดียว เพราะว่าตั้งอยู่บนชั้น 25 ของตึก ซาซิ่ง แขกที่มาทานข้าวสามารถชมวิวทะเลไปด้วยได้

ครั้งนี้ไม่มีใครตามรถพวกเขาจึงมาถึงตึกฮวาซิงแบบไร้ปัญหา เผยอิงตามซ่งหนานชวนไปที่ลิปท์ที่พาพวกเขาไปที่ชั้น 25 พอประตูลิฟท์เปิดออก บริกรคนหนึ่งก็โค้งตัวทักทายพวกเขา

บริกรหนุ่มตัวสูงคนนั้นดึงดูดสายตามากที่สุด หลังจากยืนยันการจองของซ่งหนานชวน เขาก็นำไปที่ห้องโถงจัดเลี้ยง

การตกแต่งภายในนั้นงดงามมาก และเพลงภาษาฝรั่งเศสสะเทือนอารมณ์เล่นอยู่เบาๆ แขกที่อยู่ที่โต๊ะที่พวกเขาเดินผ่านนั้นยิ้มคุยกัน

พอพวกเขามาถึงเบื้องหน้าหน้าต่างแบบฝรั่งเศสขนาดใหญ่ บริกรก็หยุด ซ่งหนานชวนเลื่อนเก้าอี้เผยอิงออกก่อนเชิญเธอนั่งลง และเขาก็เดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอ

วิวจากที่นั่งของพวกเขานั้นยอดเยี่ยม เบื้องล่างนั้นเป็นท้องทะเลสีฟ้าอมเขียว ส่วนคันดินนั้นก็มีคนเดินเล่นรับลมทะเลอยู่ เสื้อผ้าบางเบาโดนลมพัดปลิวไสว

บริกรส่งเมนูให้เผยอิง และด้วยคำแนะนำ เธอก็สั่งเมนูพิเศษสำหรับคืนนี้ ซ่งหนานชวนสั่งเหมือนกันบวกกับไวน์แดงอีกหนึ่งขวด หลังจากบริกรจากไปเขายิ้มให้เผยอิงถาม “คุณชอบที่นี่ไหม”

“ชอบค่ะ วิวที่นี่สวยมาก”

ซ่งหนานชวนเอ่ย “ไม่ใช่แค่วิวดี แต่อาหารที่นี่ดีกว่าอีก อย่าลืมลองดูล่ะ”

“อืม ถึงฉันจะไม่เคยไปร้านตระกูลอวี้ครบทุกร้าน แต่ทุกร้านที่ฉันไปมาแล้วก็เยี่ยมสุดๆเลยค่ะ”

ซ่งหนานชวนหัวเราะ “ผมแน่ใจว่าต้องพาคุณไปบ่อยๆ”

และเผยอิงก็หน้าแดงกับคำพูดของเขาตามคาด ก่อนที่เธอจะฟื้นตัวซ่งหนานชวนหยอดเพิ่ม “อาหารดีๆต้องแบ่งกับคนที่คุณชอบถึงจะอร่อยมากขึ้นอีก”

……

เขา…บอกว่าเธอเป็นคนที่เขาชอบงั้นเหรอ การสารภาพนี้เผยอิงไม่ทันตั้งตัวจริงๆ

หัวใจเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้น ขณะที่นั่งอยู่แบบไม่ติดที่นั่นเอง บริกรก็ยกไวน์มา เธอรีบจิบเพื่อสงบสติอารมณ์

เพื่อลบความรู้สึกเขินอายอึดอัด และทำให้เธอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เผยอิงเริ่มชวนซ่งหนานชวนคุย “วันเกิดฉันเป็นวันที่ 1 เมษายน ตอนเรียน พอฉันบอกว่าวันนี้วันเกิดฉัน ทุกคนก็ตอบฉันว่า “สุขสันต์วันเมษาหน้าโง่” กันหมด”

ซ่งหนานชวนหัวเราะเสียงต่ำ “คุณคงมีคนชอบเยอะสมัยเรียนสินะครับ มีคนจีบคุณบ้างไหม”

“เอ่อ…” เธอลดตาลงต่ำครุ่นคิด ก่อนเงยหน้ามองซ่งหนานชวนก่อนเอ่ย “ก็มีบ้าง แต่พวกเขาไม่ได้หน้าตาดีขนาดนั้น”

“พรืด” ซ่งหนานชวนที่จิบไวน์แดงอยู่อดหัวเราะไม่ได้

เผยอิงเสริม “แล้วฉันก็สูงมากด้วย ดังนั้นหนุ่มๆส่วนใหญ่จึงเตี้ยกว่าฉัน”

“เหรอ” ซ่งหนานชวนหัวเราะต่อ

“ดังนั้น พอรุ่นพี่ที่ทั้งสูงทั้งหล่อสารภาพรักกับฉัน ฉันก็ตอบรับ แต่ไม่ถึงสองวันถัดมาฉันก็รู้ว่า นอกจากฉันแล้วรุ่นพี่คนนั้นยังมีแฟนอีกสองคนแน่ะ” จุดนี้เผยอิงก็รู้สึกขุ่นเคือง “คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคืออะไร พอฉันไปคุยกับเขาเรื่องนี้ เขาก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่าใช่ เขามีแฟนคนอื่นอีก แล้วเขาก็ถามฉันกลับว่า ‘แน่นอนว่าเธอต้องมีแฟนคนอื่นนอกจากฉันด้วยอยู่แล้วใช่ไหม’”

เผยอิงจิบเครื่องดื่มระบายความโกรธ “ตอนนั้นฉันเศร้าสุดๆเลย ฉันคิดว่าผู้ชายคนอื่นๆในโลกนี้จะเป็นแบบนั้นไหม หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้คบใครอีกเลย”

อันที่จริงเธอนึกถึงมันขึ้นมาอีกว่า เรื่องมันจบลงภายในสองวันแบบนั้น ไม่น่าจะนับว่า’เดทกัน’หรอกละมั้ง

ซ่งหนานชวนมองเธอจากอีกฝั่งของโต๊ะ แสงสีเหลืองอบอุ่นกระทบดวงตาเข้มแวววาวคู่นั้น “ในโลกนี้ยังมีผู้ชายที่รักคนคนหนึ่งไปตลอดชีวิตอยู่นะ”

729329pwivylpc9n

[1] คำว่ากระเป๋าพ้องเสียงกับตุ่มค่ะ ในที่นี้คือตุ่มจากยุงกัด แต่ยัยซานซานหมายถึงรอยคิสมาส์กค่ะ

[2] เพลงนี้มาจากภาพยนตร์ในปี 1987 Red Sorghum

สะดุดหัวใจเจ้านายหมาป่า 22

บทที่ 22 ออนไลน์…

เซียวอี้ คนโกหก!!!

พอถึงวันที่เจ็ดที่บอสใหญ่เซียวไปติดต่องาน… นั่วนั่วก็รู้สึกทนไม่ไหว

นอกจากการที่อยากให้เซียวอี้กลับมาช่วยเธอจากสถานการณ์ “ขุนกระต่ายด้วยเนื้อ” แล้ว นั่วนั่วรู้สึกว่า ตัวเอง…คิดถึงบอสใหญ่เซียวนิดหน่อย

>__<

สำหรับนั่วนั่ว การจูบของคนสองคนนั้นเหมือนกับการลงนามในสัญญา ที่สองฝ่ายยืนยันว่าจะเขยิบความสัมพันธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น คืนนั้นบอสใหญ่เซียวยังสารภาพว่าเขาชอบเธออีกด้วย แต่ตอนนี้เซียวอี้ไม่แสดงออกสักนิดว่าชอบเธอ

เจ็ดวันผ่านไป โทรมาสักหนไหม? ไม่มี

ข้อความล่ะ? ไม่มีอีก

แม้แต่อีเมลล์ก็ไม่มี

คิดไปคิดมานั่วนั่วก็อดถอนหายใจไม่ได้ แล้วหัวใจของบอสใหญ่เซียวที่จริงเป็นอย่างไรนะ ถ้าเขาไม่ได้ชอบเธอ ทุกอย่างที่เขาทำมา ก็ไร้ซึ่งเหตุผลสิ้นดี แต่ถ้าเขาชอบเธอ ทำไมถึงเงียบหายไปแบบนี้ แม้แต่จะโทรมาทักทายสักคำก่อนไปก็ไม่มี

นั่วนั่วในฐานะหญิงสาวคนหนึ่งสับสนอย่างยิ่ง จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายรุก ใครใช้ให้เธอเริ่มคิดถึงเขานิดๆล่ะ

นั่วนั่วถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ เขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบทั้งคืน ก่อนใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง เขียนข้อความดังกล่าว:

“ไม่ว่างใช่ไหม? ถ้าว่าง กด ลง”

……

……

……

……

ยังว่างอยู่ใช่ไหม… เลื่อนขึ้นXD.”

หลังจากทบทวนข้อความว่าถูกต้องนับครั้งไม่ถ้วน นั่วนั่วกัดฟันก่อนกดส่ง… สำเร็จ

เธอรอประมาณสามสิบวินาที กะว่าเป้าหมายได้รับข้อความแล้ว นั่วนั่วแกล้งทำเป็นตื่นเต้น แต่ที่จริงนั้นกดส่งข้อความที่สองตามไปอย่างเรียบๆ

“ขอโทษ ขอโทษค่ะ เจ้านาย ฉันส่งผิด”

นั่วนั่วยอมรับว่า มุขนี้น่ะฝืดสิ้นดี แต่เธอไม่อยากวางศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงลงโดยการติดต่อบอสใหญ่เซียวก่อนนี่น่า นั่วนั่วก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป ที่มักจะบอกว่าใช่ แต่ใจจริงนั้นบอกว่าไม่ ต่อไปก็เหลือแค่รอ…. ถ้าบอสใหญ่เซียวตอบข้อความเธอ เธอก็จะถามเขาว่าเขาจะกลับเมื่อไร ทำอะไรบ้าง คิดถึงเธอบ้างไหม… เอ้ย ไม่ใช่ คิดถึงเซียวจวินบ้างไหม แต่ถ้าบอสใหญ่เซียวไม่ตอบข้อความ เธอก็จะแค่ทำเป็นส่งผิด และปล่อยให้มันผ่านไป

เธอเฝ้ารออย่างอดทน ทานมื้อเย็นกับพ่อและแม่ ช่วยล้างจาน ออกไปเดินเล่นย่อยอาหาร กลับบ้านมาซักผ้า จนกระทั่งสี่ทุ่มครึ่ง มือถือเธอยังเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่อาการสั่น นั่วนั่วรู้สึกหดหู่ เซียวอี้อาจจะยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลาตอบข้อความ นั่วนั่วรู้สึกท้อแท้แม้กระทั่งจะคิดอะไรก็คิดไม่ออก

เธอเหมือนเป็นลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก ขณะที่กำลังลังเลว่าจะไปอาบน้ำนอนดีไหม เสียงโทรศัพท์ที่แจ้งว่ามีข้อความใหม่ก็ดังขึ้น

นั่วนั่วแทบจะกระโดดไปคว้าโทรศัพท์เลยที่เดียว กล่องข้อความ…

คุณมีข้อความใหม่ ผู้ส่ง: desk เบอร์โทรศัพท์ 13800138000

นั่วนั่วเอามือเท้าคาง ใช้นิ้วชี้กด “อ่าน” มองไปที่เนื้อหา: หมายเลข 1354XXXXXXXโอนค่าบริการจากคุณไป 100 หยวน เวลาการโอน: 31 ก.ค. 2010 เวลา 22:02 น.

นั่วนั่วอึ้งกิมกี่ ตาแทบถลนออกมาจากเบ้า อะไรกันเนี่ย ทำไมจู่ๆใครมาเก็บค่าโทรศัพท์กับเธอได้ล่ะ เอ แต่เบอร์นี้มันคุ้นๆอยู่นะ คงไม่ใช่——

ก่อนที่นั่วนั่วจะเช็คว่าเจ้าของเบอร์คือใคร โทรศัพท์ของเธอก็สั่นไม่หยุด ชื่อบนหน้าจอ: เซียวอี้

นั่วนั่วกลืนน้ำลาย หัวใจแทบหยุดเต้น เปิดโทรศัพท์ด้วยมือสั่นระริก “สวัสดีค่ะ”

“ยัยโง่ โทรศัพท์ฉันโดนระงับการใช้บริการ เพราะเงินหมดน่ะ”

……

หลังจากนั้นอีกหลายปี บทที่เซียวอี้และนั่วนั่วมีลูกด้วยกันสองคนแล้ว นั่วนั่วยังจำวันที่บอสใหญ่เซียวพูดคำเหล่านี้ได้ มันทั้งหวานและแสนสุข ความรู้สึกนี้ดีกว่าการสารภาพรักของบอสเสียอีก

นั่วนั่วรู้สึกว่า ความลังเล ความไม่แน่ใจ ละลายหายไปหมดจากคำพูด “ยัยโง่” ของเขา… การเฝ้ารอเจ็ดวันที่ทรมาน… แค่คำพูดสองคำก็หายไปในพริบตา

คืนนั้น แม้แต่ในฝัน เธอยังแอบยิ้มน้อยๆ ความหวานล้ำยังตราตรึง

นั่วนั่วเข้าใจแล้วว่าเธอน่ะสมควรโดนเรียกว่าเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยจอมสับสนจริงๆ ที่จริงพอเธอส่งข้อความไป บอสใหญ่เซียวที่กลับมาถึงโรงแรมนั้นกำลังล้างหน้าอยู่ในห้องน้ำพอดี เขาเดินออกมาและเห็นข้อความของนั่วนั่ว แต่พอกดโทรออก เสียงผู้หญิงเรียบๆไร้อารมณ์ก็ดังขึ้น “ขออภัยค่ะ ไม่สามารถติดต่อหมายเลขที่คุณเรียกได้ ยอดเงินคงเหลือ 0 หยวน กรุณาเติมเงินด้วยค่ะ”

โรงแรมที่บอสใหญ่พักอยู่นั้นอยู่ข้างภูเขา ไม่มีคนอื่นอยู่เลย และ..ไม่มีที่ขายบัตรเติมเงินเสียด้วย บอสใหญ่เซียวไม่พูดอะไร จัดการแต่งตัว ขับรถออกจากโรงแรมเป็นเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อจะโอนค่าโทรจากนั่วนั่ว และพูดสายกับเจ้ากระต่ายตัวน้อยได้ในที่สุด

นั่วนั่วที่ตั้งใจฟังคำอธิบาย  เอาหัวโขกโต๊ะ “ขอโทษ ขอโทษค่ะ”

เซียวอี้พูดเรียบๆ “ไม่ต้องขอโทษหรอก เธอจะชดเชยให้ฉันยังไง”

คนพูดไม่มีเจตนาแอบแฝง แต่คนฟังอดหน้าแดงไม่ได้ ใจลอยไปหาฉากจูบตอนนั้น โชคดีที่บอสใหญ่เซียวไม่อยู่ตรงนี้ ไม่งั้นคงขายหน้าแย่

“คุณอยากใช้ฉันชดเชยให้คุณยังไงดี”

“เอ่อ… ตอนนี้ฉันเล่น 《Huang Yan》[1] อยู่.”

นั่วนั่วเงียบ พูดไม่ออก

บอสใหญ่เซียวเล่นเกมส์ออนไลน์กะเขาด้วย “Huang Yan” เกมส์สามมิติ เวอร์ชั่น Q ที่คุณไม่สามารถเล่นคนเดียวได้น่ะเหรอ

นั่วนั่วพูดอย่างระวัง “คุณคือ……”

เมื่อได้ยิน เซียวอี้ยอมรับซื่อๆ “วันนั้นที่ฉันไปบ้านเธอ ฉันเห็นเธอเล่นเกมส์นี้ ดังนั้น…”

{{{(>__<)}}}

บอสใหญ่เซียว คุณตรงไปตรงมามากเกินไปแล้ว…

นั่วนั่วกุมหัว ไม่รู้จะตอบยังไง ดังนั้นจึงฟังเซียวอี้ต่อ “งั้นเธอชดเชยให้ฉันด้วยการพาฉันไปเก็บเลเวลด้วยละกัน”

การเล่นเกมส์ออนไลน์ของนั่วนั่วนั้นไม่เหมือนคนอื่น คนทั่วๆไปเล่นเกมส์ออนไลน์เพราะความกดดันในชีวิตจริง หาความพึงพอใจจากเกมส์ หรือเพราะว่า เกมส์นั้นมีสาวๆเยอะ หรือว่ารวมตัวกันล่า “บอส” แต่นั่วนั่วเล่นเกมส์ออนไลน์คนเดียวเสมอ

=__=

จุดประสงค์เรียบง่ายของการเล่นเกมส์ออนไลน์ การได้ฆ่าสัตว์ประหลาดแปลกๆนั้นเป็นอะไรที่เท่และสดชื่นมาก เมื่อไรที่เธอรู้สึกไม่มีความสุขในชีวิตจริง การล็อคอินเข้าเกมส์ไปฆ่าสัตว์ประหลาดสักกลุ่มสองกลุ่ม หรือไม่ก็ใช้ท่าหมู่เพื่อสังหารสักสองสามรอบ หรือการที่ค่อยๆทรมาณสัตว์ประหลาดจนตายนั้นทำให้นั่วนั่วรู้สึกเท่มาก

ดังนั้นนั่วนั่วไม่ชอบการจับกลุ่ม สองเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากทีม จึงเป็นผู้เล่นเดี่ยวเสมอ เข้าเกมส์ รับภารกิจ-ไปฆ่าสัตว์ประหลาด-ส่งภารกิจ-รับภารกิจต่อไป เพื่อนสนิทของนั่วนั่วยังอดแซวว่า นั่วนั่วเล่นเกมส์ออนไลน์เหมือนจอมยุทธ์เดียวดาย

สรุปสั้นๆ นั่วนั่วจู่ๆต้องมาเล่น เกมส์《Huang Yan》กับบอสใหญ่เซียว ทั้งๆที่ไม่ชอบการจับกลุ่ม และกลัวการถูกหาเรื่อง แต่ต้องพาบอสใหญ่เซียวไปเก็บเลเวลด้วยนั้น นั่วนั่วก็รู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ

โชคดีที่บอสใหญ่เซียวนั้นเป็นอัจฉริยะ ไม่ถึงสิบนาที เขาก็คุ้นเคยกับการเล่นเกมส์แล้ว นั่วนั่วจัดการพาบอสใหญ่เซียวไปหย่อนไว้ในสถานที่ปลอดภัยของแผนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดสิบ ก่อนออกไปสู้เพียงลำพัง

เกมส์ออนไลน์มักจะมีระบบที่ยอดเยี่ยม… ไม่ต้องออฟไลน์ แต่เธอเล่นเกมส์ด้วยเหตุผลว่าการสู้กับสัตว์ประหลาดนั้นช่างทำให้สดชื่น แล้วจะให้เธอนั่งมองจอเฉยๆในขณะที่ตัวละครของเธอเคลื่อนไหวไปเองทำไมกันล่ะ ไร้เหตุผลสิ้นดี

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่นั่วนั่วไม่อยากรวมกลุ่มทำเควสกับคนอื่นๆ จะมีสักกี่คนที่แหกขี้ตาเล่นเองตลอดทั้งคืนได้ล่ะ นั่วนั่วตื่นเต้นที่จะได้สับสัตว์ประหลาดแปลกๆเพราะว่าบอสใหญ่เซียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง บอสใหญ่เซียวก็เลเวลสิบห้าแล้ว เซียวอี้ที่เห็น พิมพ์มาหนึ่งประโยค “เมฆขาวลอยอ้อยอิ่ง ตามสายลมอ่อนพริ้วที่พัดไหว”

[ ทีม: ข้าคือเซียวอี้ ]: ดีมาก เล่นต่อเลย วันนี้เอาให้ถึงเลเวล 20 เลยนะ

[ ทีม: นั่วนั่วจอมขี้เกียจ ]: เอ๋

นั่วนั่วรับฟังคำสั่งบอสใหญ่เซียวอี้ ไปลุยกับสัตว์ประหลาดต่ออย่างง่ายๆ แต่ในใจแอบเคือง เวลาคนทั่วไปเล่นเกมส์ออนไลน์ มักจะถูกหนุ่มๆห้อมล้อมเอาใจ หนุ่มๆพาสาวๆไปเก็บเลเวล ยกอุปกรณ์ดีๆให้ แต่เหตุการณ์ของเธอมันกลับกันแบบนี้ได้ล่ะ

บอสใหญ่เซียวนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้แต่ชื่อในเกมส์ของเขานั้นยังแสดงอำนาจและความเชื่อมั่นในตัวเอง “ข้าคือเซียวอี้”

ชื่อนี้ก็เหมือนกับการตั้งชื่อว่า “ข้าคือโอบาม่า” นั้นแหละ ตั้งตามคนมีชื่อเสียง แต่ด้วยพลังอำนาจแบบนั้น ไม่มีเวลามาอธิบาย คนทั่วไปคงจะคิดว่าเขาน่ะเป็นผู้ชายห่วยๆที่ให้ผู้หญิงพาไปเก็บเวล คงจะแปลกน่าดู นั่วนั่วไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าถาม หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง เซียวอี้ก็เลเวลอัพถึง เลเวล 20 นั่วนั่วเห็นก็ตื่นเต้นดีใจ ส่ายหางอย่างเบิกบานก่อนพิมพ์

[ ทีม: นั่วนั่วจอมขี้เกียจ ]:(ยิ้มหวาน) เย้ เลเวล 20 แล้วนะคะ

[ ทีม: ข้าคือเซียวอี้ ]: ดี งั้นเรามาแต่งงานกัน

นั่วนั่วที่เห็นคำตอบของเซียวอี้ ตื่นเต้นจนเผลอกด … ซ้ำๆ

บอสใหญ่เซียวคิดจะเปลี่ยนเพศเหรอ เมื่อกี้ยังฆ่าสัตว์ประหลาดอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆให้แต่งงานเนี่ยนะ

เซียวอี้คงจะเดาออกว่านั่วนั่วคิดอะไรอยู่ ก่อนพิมพ์ยาวเหยียด

[ ทีมข้าคือเซียวอี้ ]:ฉันเห็นบนเวปเกมส์ว่า ตัวละครที่เลเวล 20 ขึ้นไปสามารถแต่งงานกันได้ และสามารถทำภารกิจสำหรับคู่รักได้ ภารกิจสำหรับคู่รักน่ะให้ค่าประสบการณ์สูงมากเลยนะ เธอคงไม่มีปัญหาอะไรนะ?

[ ทีมนั่วนั่วจอมขี้เกียจ ]:ฉันเล่นตัวผู้ชาย!

[ ทีมข้าคือเซียวอี้ ]:ฉันเล่นตัวผู้หญิง!

{{{(>__<)}}}

เวลาเธอเล่นเกมส์ออนไลน์ นั่วนั่วที่ไม่อยากยุ่งยาก เลือกตัวละครผู้ชายแบบไม่ลังเล แต่นั่วนั่วไม่คิดว่าบอสใหญ่เซียวจะเล่นตัวผู้หญิง ตัวละครเริ่มต้นของเกมส์ 《Huang Yan》นั้นหน้าตาเหมือนกันหมด ทั้งหญิงและชาย ทั้งทรงผม เสื้อผ้าและอุปกรณ์สวมใส่ พอเลเวลสูงขึ้น ผู้เล่นจะค่อยๆซื้ออุปกรณ์สวมใส่มาตกแต่งตัวละคร เช่นทรงผมที่บ่งบอกเพศนั้นเอง

เหตุผลของผู้สร้างเกมส์น่ะเหรอ เขาบอกว่าการทำแบบนี้มันสมจริงกว่า ดูอย่างทารกสิ ดูเผินๆก็แยกไม่ออกหรอกว่าเป็นชายหรือหญิงกันแน่

นั่วนั่วที่รีบร้อนเก็บเลเวลให้บอสใหญ่เซียว ไม่ทันเปิดดูรายละเอียด จึงตกใจมากที่รู้ว่าเขาเล่นตัวละครหญิง

[ ทีม: นั่วนั่วจอมขี้เกียจ ]:เจ้า…นาย คุณคิดอะไร ทำไมมาเล่นตัวผู้หญิงได้ล่ะ

[ ทีม: ข้าคือเซียวอี้ ]:แล้วเธอล่ะ ทำไมถึงเล่นตัวผู้ชาย

นั่วนั่วรู้สึกถึงความยุติธรรมของเบื้องบน

[ ทีม: นั่วนั่วจอมขี้เกียจ ]:ฉันไม่อยากโดนผู้ชายตาม!!

[ ทีม: ข้าคือเซียวอี้ ]:ฉันด้วย ไม่อยากโดนผู้หญิงตาม!!!

[ ทีม: ข้าคือเซียวอี้ ]:งั้นเรามาแต่งงานกันเถอะ

นั่วนั่วที่กำลังดื่มน้ำ เหลือบเห็นข้อความสุดท้ายก็พ่นน้ำชาใส่จอคอมพิวเตอร์ทันที่ เธอไม่กล้ามองจอ นั่วนั่วอดคิดไม่ได้ว่า บอสใหญ่เซียวน่ะไม่ได้สนใจจะเล่นเกมส์หรอก เขาเล่น “Huang Yan”เพื่อจะแต่งงานกับเธอต่างหาก

บอสใหญ่เซียว คุณนี่เห็นเงียบๆแต่กินเรียบนะคะ[2], คุณน่ะร้ายเกินไปแล้ว

[1] 凰焱 Flame Phoenixนกฟีนิกส์

[2] 闷骚 Mensao,เป็นศัพท์ยากๆ ที่หมายความว่า อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก; ภายนอกดูขี้อาย แต่ภายในร้อนแรง

สะดุดหัวใจเจ้านายหมาป่า 21

บทที่ 21 กระต่ายนั้นเป็นสัตว์กินพืช!!!

อากาศร้อนของเดือนมิถุนายน… ทำให้คนหายใจไม่ออกเสียแล้ว

พนักงานของบริษัท Owl Wings ไม่อาจทนต่อความร้อนอบอ้าวของโรงอาหาร จึงเอาอาหารขึ้นมาทานบนออฟฟิศ

เครื่องปรับอากาศเป่าลมเย็นๆ พนักงานพูดคุยกันระหว่างทานข้าวไปด้วย… บทสนทนานั้น…

“เอ๋ วันนี้มีอะไรกินน๊า ว้า หมูตุ๋นสองรอบ มันแผล่บเลยอ่ะ”

“พักนี้ โรงอาหารห่วยชะมัด ไม่มีเนื้อเป็นชิ้นเป็นอันเลย”

“ข้าไม่อยากอาหารเลย อยากกินสลัดเนื้อกระต่ายฟ่ะ”

“ปีกไก่ทอดของผม…”

ขณะเดียวกัน รอยยิ้มของนั่วนั่วเลือนหายไปทันทีที่เปิดกล่องข้าวที่ตั้งตารอ… เสียงคำรามของกระต่ายน้อยจากชั้นสิบเจ็ดดังลั่น “อี๋ ทำไมวันนี้มีแต่เนื้ออีกแล้ว… กุ้งผัดทั้งเปลือก ลูกชิ้นเนื้อ ฉันไม่อยากกินขาหมูต้มซีอิ๊ว ไม่อยากเห็นไก่ด้วย…”

“……”

แต่ละคำราวกับอัญมณีล้ำค่า

นี่มันยั่วกันชัดๆ! ขี้อวด! (เสียงแทรกจากเพื่อนร่วมแผนก)

แต่ก็โทษนั่วนั่วไม่ได้หรอกนะ ทำไมล่ะ? เหตุเกิดจากจูบ…

คืนนั้นที่บอสใหญ่เซียวสารภาพรักและจูบนั่วนั่ว ขับรถจากไป นั่วนั่วที่รู้สึกแปลกๆ แต่ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล ถึงจะผิดความคาดหวังไปบ้าง อุบัติเหตุเล็กน้อยนี้… นั่วนั่วที่หน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวราวกับกลอง… แต่นั่วนั่วปลอบใจตัวเอง

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่เนื้อสัมผัสเนื้อ… วันนี้มืดมาก ไม่มีเพื่อนบ้านเห็นสักคน ที่บอสใหญ่เซียวเอ่ยว่าเขาชอบเธอ… ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า คืนนั้นนั่วนั่วกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ก่อนฝันหวานน้ำลายยืด

วันถัดมา เจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยไปทำงานเหมือนปกติ เพื่อนร่วมงานก็รับรู้ว่า บอสใหญ่เซียวไม่มีความเห็นอะไรจากเหตุการณ์เมื่อวาน นั่วนั่วปิดประตูเสียงดังลั่นเพื่อข่มขวัญ ตาลุงลามกก็เหมือนพบทางสว่าง เขาดูเหมือนจะเข้าใจความสัมพันธ์ ”ลึกซึ้ง” ของบอสใหญ่เซียวกับนั่วนั่ว จึงทำตัวเป็นมิตรและไม่หาเรื่องอะไรตลอดทั้งเช้า

พอพักเที่ยงนั่วนั่วก็ไปรับข้าวกลางวัน เธอถือกล่องข้าวมาที่ออฟฟิศ แต่กลับรู้สึกโหวงๆ เหมือนอะไรขาดหายไป ห้องทำงานของใครบางคน… ลมเย็นๆพัดมา นอกจากแสงแดดเล็กน้อยที่ทอดผ่านม่านหนาหนักที่ปิดสนิท ไม่มีแม้แต่เงา…

หลินเอ็มเอ็มวิ่งมาอธิบาย “เมื่อคืนเจ้านายกลับมาทำกะดึกที่บริษัท หลังจากจัดการเอกสารด่วน ตอนแปดโมงเช้าเขาก็บินไปเมืองหลวงด้วยเหตุผลเรื่องงานทันที เขาน่าจะอยู่ที่นั่นประมาณครึ่งเดือน”

นั่วนั่ว: ( ^ )

งั้นที่เมื่อคืน เซียวอี้รีบกลับ เพราะมาทำงานต่อที่ออฟฟิศน่ะสิ

หรือว่า… ที่บอสใหญ่เซียวรีบกลับมาทำงานเมื่อคืน เพราะเขากลัวที่จะเห็นหน้าเธอวันนี้?

หรือว่า… บอสใหญ่เซียวจะอายกัน?

เหตุผลของนั่วนั่วทำเอาเธอหัวเราะจนปวดท้องเลยที่เดียว ก่อนจะยกปิ่นโตขึ้นมาตรงหน้า “แล้วครึ่งเดือนนี้ จะเอาไงดีกับเรื่องอาหารของเจ้านายล่ะคะ?”

ประโยคนี้นั่วนั่วถามอย่างสุภาพ แต่ในใจแอบลิงโลด บอสใหญ่เซียวไม่อยู่ตั้งครึ่งเดือน เธอก็ได้พักตั้งครึ่งเดือน ไม่ต้องเอาอาหารมาให้บอส ไม่ต้องล้างจาน แต่โชคร้ายยิ่งนัก หลินเอ็มเอ็มที่ฉลาดหลักแหลม รายงานสถานการณ์ลำบากใจนี้กับบอสใหญ่โดยตรง “เจ้านายคะ ดูเหมือนว่านั่วนั่วจะชอบอาหารของคุณนะคะ”

ที่ปลายสาย เซียวอี้ครุ่นคิด ก่อนเพิ่มเติม “งั้นครึ่งเดือนนี้ ก็ให้ครัวเล็กทำงานต่อล่ะกัน”

หลินเอ็มเอ็มชื่นชมความคิดนี้มาก ตอบเสียงดังชัดเจน “ตกลงค่ะ”

ความนัยที่ซ่อนอยู่… เจ้านายไม่ต้องห่วงค่ะ เรื่องบริษัทฉันจะช่วยคุณดูแลเอง หลินเอ็มเอ็มคนนี้จะทำงานอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ…

อย่างแรก เพื่อเอาใจนั่วนั่ว หลินเอ็มเอ็มบอกกับเธอว่า ถึงแม้บอสใหญ่จะไปติดต่องาน ครัวเล็กก็ยังทำงานเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น คนลงมาเอาอาหารกลางวัน บทที่บอสใหญ่เซียวไม่อยู่ จะได้เอร็ดอร่อยกับมื้อพิเศษ นั่วนั่วก็เชื่อคำ ลงไปเอามื้อกลางวันทุกวัน

ป้าจางจากครัวเล็กก็ไม่ใช่คนโง่ เธอทำงานมาหลายปีแล้ว เวลาเจ้านายไปติดต่องานข้างนอกก็ไม่ต้องการมื้อพิเศษสักที แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เธอเลยดึงตัวหลินเอ็มเอ็มผู้รอบรู้มาถาม

หลินเอ็มเอ็มแสร้งคลี่ยิ้มลึกลับ “ป้าจางคะ ป้าก็รู้นิน่า ว่าแผนกธุรการอย่างเรารู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด ถ้าไม่ระวังปาก ตำแหน่งก็อาจจะลอยหายไปก็ได้ เจ้านายดีๆ บริษัทดีๆแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายนักหรอกค่ะ”

ป้าจางรีบพยักหน้าเห็นด้วย “เอาเถอะ เอาเถอะ หลินเอ็มเอ็ม ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบากใจ เธอเตือนฉันก็ดีแล้ว อ้อ นี่ เธอชอบกินขนมจีบเนื้อไหม ฉันจะให้เธอเป็นพิเศษถุงหนึ่งเลยนะ”

หลินเอ็มเอ็มที่ได้ยินข้อเสนอ ตาโค้งลง พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนเอ่ย “ป้าจางคะ ฉันบอกป้าตรงๆเลย นั่วนั่วนี่ไม่ใช่เล่นๆเลย เธอไม่ใช่พนักงานธุรการหรือผู้ช่วย แต่เจ้านายชอบดื่มกาแฟฝีมือเธอ ทำไมน่ะเหรอคะ ว่ากันตรงๆเลย เจ้านายอยากเห็นหน้าเธอทุกวัน”

หลินเอ็มเอ็มหยุดไปสักครู่ ก่อนดึงหูป้าจางมาใกล้ๆ “ฉันว่านะ อีกไม่นานนี้แหละ ป้ากับฉันต้องเอาข้าวกับกาแฟไปเสิร์ฟนั่วนั่ว”

ป้าจางเหมือนพบแสงสว่าง จากวันนั้น มื้ออาหารครัวเล็กก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เพื่อทำคะแนนกับว่าที่เจ้านาย ป้าจางใช้ฝีปากสอบถามคนมากมายว่านั่วนั่วชอบทานอะไร แต่นั่วนั่วเป็นคนไม่เรื่องมาก เธอกินได้ทุกอย่างไม่มีเกี่ยง คนอื่นๆเลยไม่รู้ว่าเธอน่ะชอบหรือไม่ชอบกินอะไรบ้าง โดยรวมเป็นกระต่ายที่ไม่เลือกกินโดยสิ้นเชิง

หลังจากล้มเหลวในการสอบถาม… ป้าจางตัดสินใจทำตามความคิดของตัวเอง จัดเนื้อล้วนๆ ไม่มีผักแซม เด็กยุคนี้เป็นสัตว์กินเนื้อ เมื่อเนื้อสัตว์ปรากฏในโรงอาหาร พนักงานที่ไม่เห็นเนื้อเป็นชิ้นเป็นอันมานาน ร้องโหยหวนราวกับหมาป่า ป้าจางม้วนแขนเสื้อขึ้น เปลี่ยนตารางการทำกับข้าวรัวๆเพื่อปรนเปรอเนื้อสัตว์ให้นั่วนั่วกิน จนกว่านัยน์ตาบ้องแบ้วของกระต่ายจะเปลี่ยนเป็นสีแดงราวสัตว์ร้ายที่อยากกินคน… และยังไม่ยอมหยุด

ตอนแรกๆนั่วนั่วก็ดีอกดีใจ กลับบ้านเล่าด้วยท่าทีสดใสว่า บอสใหญ่เซียวน่ะสุดยอดจริงๆ อาหารเยี่ยมไปเลย ไม่มีแม้แต่เงาของผักสักชิ้น วันที่หนึ่ง… วันที่สอง… สามและสี่… นั่วนั่วที่เปิดกล่องอาหาร ก็เริ่มเอียนเสียแล้ว

อีกอย่าง…นั่วนั่วที่เอาอาหารกลางวันขึ้นมาให้เซียวอี้ทุกวัน เป็นคนรื้อปิ่นโต จัดวางบนโต๊ะ ก่อนขอให้เขาวางเอกสารลงมาทานข้าว จึงรู้ปริมาณอาหารที่ใส่มาดี… แต่เทียบกับของบอสใหญ่เซียวแล้ว… มันมากกว่าตั้งสามหรือสี่เท่า…

นั่วนั่วเริ่มรู้สึกผิด… นี่มันติดสินบนหรือไม่ก็ทุจริตกันชัดๆ

หรือว่า… ป้าจางคิดว่า เธอ ในฐานะ “คนโปรด” ของเซียวอี้ ถือโอกาสที่เซียวอี้ไม่อยู่ ทำตัวเป็น “ผู้มีเกียรติ” กัน นั่วนั่วที่เป็นพนักงานตัวเล็กๆ ที่ยังกังวลไม่เลิก ดังนั้นวันที่สอง เธอจึงบอกป้าจางอย่างสุภาพว่า เธออยากกินอาหารเบาๆ

เที่ยงวันนั้น..ป้าจางจัด กุ้งหลงจิ่งให้เต็มกล่อง

นั่วนั่วจึงบอกว่า เธออยากกินผักสดตามฤดูกาลบ้าง  มื้อเที่ยงวันถัดไปประกอบด้วย มะระผัดไก่สับ ไก่ผัดถั่วลิสง และ ตีนไก่เปื่อยๆ

นั่วนั่วที่เซ็งจัด พูดตรงๆว่า เธอไม่อยากกินเนื้อสัตว์ และวันนั้น… ในกล่องข้าวเป็น มะเขือเทศผัดไข่

นั่วนั่วที่ทำใจแข็ง เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด ยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจง.. เธออยากกิน ผักล้วนๆ เช่น แตงกวา ผักโขม กะหล่ำปลี

คำขอนี้ทำให้ป้าจางอายมาก เธอแค่อยากให้ภรรยาในอนาคตของเจ้านายได้กินของดีๆ ทำให้เธอมีความสุขเท่านั้นเอง ดังนั้นป้าจางกับหลินเอ็มเอ็มรวมหัวกันคิดเมนูอาหาร วันถัดมานั่วนั่วพบว่าในกล่องข้าวนั้นมี กะหล่ำปลีดอง จึงน้ำตาไหลอย่างมีความสุข เปิดชั้นถัดไป… แกงจืดมะระ… แต่ในแกงจืดนั้นมีลูกชิ้นปลากลมๆลอยอยู่

OTZ อ๊ากซ์……

นั่วนั่วจ้องแกงจืดลูกชิ้นปลากลมๆนุ่มๆ ไอร้อนโชยกรุ่น ก่อนจะเริ่มหลอน… นี่มันไม่ใช่ลูกชิ้นปลาแล้ว แต่เป็นหุ่นของเธอหลังจากกินมื้ออาหารที่มีแต่เนื้อสัตว์มามากกว่าหนึ่งอาทิตย์เต็มๆต่างหาก

ท้วม …กลม อีกไม่นาน เธอคงไม่ต่างกับลูกชิ้นตรงหน้า… กลิ้งได้แน่นอน

เวลานี้ นั่วนั่วอยากให้บอสใหญ่เซียวกลับมาก่อนกำหนดไม่ได้ เพราะว่าเธออยากบอกเขาเหลือเกิน… กระต่ายขาวตัวน้อยนั้นกินหญ้าเป็นอาหาร“กระต่ายกินเนื้อ” นั้นฟังอย่างไรก็ไม่น่ารักขึ้นมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ละครฉากเล็ก

สุดสัปดาห์ แม่ของเธอเกิดอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอตัดสินใจให้สามีหยุดหนึ่งวัน และทำกับข้าวให้ลูกสาวที่รักเป็นการส่วนตัว “นั่วนั่วคนดี แม่จะทำกับข้าวอร่อยๆให้ลูกทานนะ อยากทานอะไรดีล่ะ”

เจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยที่กดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อยู่ทำท่าลังเล เธอตัวแข็ง

หม่าม้าซูที่เห็นลูกสาวตกใจก็ตกใจตามไปด้วย เธอลูบศีรษะลูกสาวอย่างเป็นห่วง ก่อนเอ่ย “เป็นอะไรหรือเปล่า แม่บอกลูกแล้วว่าอย่าอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทุกวัน แค่ที่ทำงานลูกก็ต้องอยู่หน้าคอม เลิกงานมาก็ยังอยู่หน้าคอม ดูสิดู…”

นั่วนั่วไม่รอให้แม่พูดจบ เธอสั่นอย่างกับผีเข้าไปทั้งตัว เธอเขย่าไหล่ด้วยท่าทีแปลกๆ โยกตัวไปมา ทำเอาแม่เสือเงียบกนิบ

นัยน์ตากระต่ายขาวตัวน้อยส่องประกายสดใส ปากก็รัวชื่ออาหารไม่หยุด “หนูอยากกิน แครอท หัวไชเท้า ผักโขม กะหล่ำหลี ผักกวางตุ้ง ต้นหอม สาหร่าย แตงกวา มะระ บวบ ฟักเขียว แล้วก็แตงโมค่ะ

นั่วนั่วสูดหายใจเฮือกใหญ่ เธอพูดจบแล้ว เลียริมฝีปากน้อยๆแดงระเรื่อ ตาของหม้าม้าซูแทบจะทะลักออกจากเบ้า อ้าปากค้าง สีหน้าเหมือนหมาป่าหิว แต่ความกระหายเหมือนกับแกะ…

คืนนั้น ทั้งพ่อและแม่ของนั่วนั่วคุยและเถียงกันอยู่นาน ก่อนจะยกจานมาบนโต๊ะ

นั่วนั่วที่จ้องเนื้อสัตว์เต็มๆตา ก่อนคำรามลั่น “แม่คะ พ่อคะ ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันว่าจะกินผักๆกันเหรอคะ ไหงกลายเป็นเนื้อล่ะ ไม่เอาอ่ะ หนูอยากกินผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง กระหล่ำปลี ผักบุ้ง…”

พ่อเธอที่สังเกตุเห็นสีหน้าเกลียดชังและขุ่นเคือง มาจับมือลูกสาวไว้ ก่อนสะอื้นอย่างขมขื่น “ลูกสาวเอ้ย พ่อเจ้าต้องขอโทษด้วย ทำให้ลูกต้องไปนัดบอดกับเสี่ยวจางคนนั้น จนถูกผีสิงแบบนี้ ลูกคงไม่เปลี่ยนศาสนานะ” เมื่อได้ยิน แม่เธอก็ร้องไห้ตาม “นั่วนั่ว แม่แค่อยากได้หลานเท่านั้นเอง ถ้าลูกไปบวชชี แม่จะตายให้ดู”

นั่วนั่ว: “หนู… เอ่อ แม่กับพ่อคิดอะไรคะ หนูไม่ได้อยากบวชชีสักหน่อย”

พ่อและแม่ของเธอหันมาจ้องกัน ก่อนประสานเสียง “ถ้าไม่คิดแบบนั้น… ก็กินซะ”

นั่วนั่ว: O__o

บอสใหญ่เซียวช่วยฉันด้วยยยยย….

สะดุดหัวใจเจ้านายหมาป่า 20

บทที่ 20 ความจริง

นั่วนั่วที่แต่งตัวเรียบร้อย เสิร์ฟน้ำชาให้บอสใหญ่เซียวก่อนดึงแม่มาที่ห้องครัว

แม่เธอมองไปที่ห้องนั่งเล่น ที่ไกลกับห้องครัว สัปปะรดจะไม่ได้ยินอะไร ก่อนพูดเสียงเรียบ “นั่วนั่ว ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานที่พ่อแนะนำมาใช่ไหม ..ทำไมกลายเป็นสัปปะรดที่บ้านไปได้ล่ะ”

ปากนั่วนั่วเบี้ยว ก่อนจะแก้คำพูดของแม่เป็นรอบที่ร้อยกับอีกหนึ่ง… “เขาไม่ได้ชื่อสัปปะรด เขาชื่อเซียวอี้ เซียวอี้ เซียวอี้!”

แม่ของเธอพยักหน้าแบบไม่เข้าใจ หั่นผักไปด้วย พลางพึมพำ “หั่นสัปปะรด สัปปะรดถูกหั่น… มิน่าล่ะรถเขาถึงหรูขนาดนั้น หม้าม่าลีที่สวนบอกแม่ว่า รถคันนั้นน่ะ ราคาเป็นแสน แม่ยังห่วงอยู่เลยว่าเสี่ยวเหวินชูไปรับเงินใต้โต๊ะอะไรมาหรือเปล่า แต่ลูกไปทำยังไงถึงไปทำให้เจ้านายลูกมาติดเบ็ดได้ล่ะ”

“……” เพราะคำที่แม่เธอใช้ “ติดเบ็ด” นั่วนั่วรู้สึกหดหู่ กับคำพูดขวานผ่าซาก แบบว่า เธอแค่… เธอกัดฟันก่อนบอกความจริง “แม่คะ ที่จริง เขาคือคู่ดูตัวคนแรกของหนูค่ะ”

??

+__+

$__$

สีหน้าของแม่เธอเปลี่ยนไปมาภายในหนึ่งนาทีได้อย่างอัศจรรย์ จาก “อะไรนะ มันเกิดขึ้นได้ไง” เป็น “เจ้าลูกคนนี้นี่ พาเจ้านายมาที่บ้านแล้วไม่ยอมบอกได้ไงกัน” สุดท้ายจบด้วย “เยี่ยมไปเลย ลูกสาวฉันจับบอสใหญ่ของบริษัทใหญ่เสียอยู่หมัด ลูกสาวฉันต้องประสบความสำเร็จในอาชีพการงานแน่ๆ”

ลูกสาวนั้นรู้จักแม่ของเธอดีที่สุด นั่วนั่วที่เห็นสีหน้าของแม่ก็รู้ทันทีว่าแม่ของเธอกำลังฝันกลางวันไปไกล กำลังคิดจะว่าแอบออกไปอย่างไงดี พ่อของเธอก็กลับถึงบ้าน เขาได้รับโทรศัพท์จากภรรยาที่กำลังตื่นเต้นกับการที่ว่าที่ลูกเขยจะมาทานข้าวเย็นที่บ้าน เลยตัดสินใจกลับบ้านเร็ว

ที่ผ่านๆมา พ่อของเธอที่ งานรัดตัว ไม่มีโอกาสได้พบ “เสี่ยวจาง” ตัวเป็นๆมาก่อน เซียวอี้ที่ใช้ชื่อ เสี่ยวเหวินชู มารับนั่วนั่วทุกวัน ยังไม่ถูกเปิดโปง แต่ทั้งพ่อและแม่ มักจะพูดเสมอว่า “เสี่ยวจาง” ช่วยดูแลลูกสาวของเราด้วย และ พวกเขาก็ชื่นชมกับท่าทางสง่างามและความใส่ใจของเขา อันที่จริง “ว่าที่ลูกเขย” ที่พวกเขาเลือกก็ไม่แย่นัก ทำงานในหน่วยงานที่มั่นคง เป็นหัวหน้าของเหล่ามือขวา ชีวิตมีเหตุมีผล แต่พอพ่อนั่วนั่วเริ่มมั่นใจในตัวว่าที่ลูกเขยคนนี้“เสี่ยวจาง” ก็หายไปจากสารบบ เขาเลยโทรหาภรรยาก่อนพบว่า “เสี่ยวจาง” ของเขา นั้นเป็นคนละคนกับ “เสี่ยวจาง” ที่ภรรยารู้จัก

เมื่อได้ยิน พ่อของเธอก็โกรธจัด ลูกสาวของเขาเด็กนัก แต่ดันคว้าใครก็ไม่รู้มาเป็นคนรัก ทำไมไม่เชื่อสายตาผู้เฒ่าที่มีประสบการณ์หลายสิบปีกัน ว่าจะมองคนดีหรือร้ายไม่ได้เชียวหรือ แต่เมื่อพ่อของเธอกลับถึงบ้าน และเริ่มคุยกับเซียวอี้ ผนวกกับตัวตนที่แท้จริงของเขา ถึงแม้ว่าลูกสาวของเขามักจะเล่าเรื่องที่บริษัทให้ฟังบ่อยๆ ป๊ะป๋าซูก็ค้นพบและเข้าใจว่า เซียวอี้เป็นเด็กดีมาก ฉลาดและมีความสามารถ ป๊ะป้าซูปลื้มบอสใหญ่เซียว จนลืมเสี่ยวจางไปเสียสนิท

หลังจากการพบกัน ระหว่างทานอาหารอย่างออกรส บอสใหญ่เซียวเอ่ยปากชื่นชมความอร่อยของปลานึ่งของแม่นั่วนั่ว และชื่นชมภาพวาดบนผนังฝีมือพ่อนั่วนั่วว่าเป็นฝีมือระดับรางวัล ทำเอาสองผู้เฒ่ายิ้มไม่หุบ

แต่ภายใต้บรรยากาศแสนอบอุ่นงดงามนี้… นั่วนั่วรู้สึกว่ามื้ออาหารนี้แปลกมาก … และที่แปลกกว่า เธอเป็นคนเดียวที่คิดแบบนั้นน่ะสิ

>__<

ที่โต๊ะอาหาร ทั้งแม่และพ่อถามบอสใหญ่เซียวเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากมาย ทั้ง พ่อแม่ อาชีพ พื้นฐานครอบครัว รวมไปถึงเรื่องบริษัท Owl Wing ด้วย นั่วนั่วเริ่มรู้สึกว่ามันเหมือน……. การพาแฟนมาที่บ้านครั้งแรก

และไม่ว่าพ่อกับแม่เธอจะถามอะไร บอสใหญ่เซียวก็ตอบอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย นั่วนั่วที่กินข้าวเงียบๆกลับจำขึ้นมาได้ว่า เธอกับบอสใหญ่เซียวกำลังทะเลาะกันอยู่ แต่จู่ๆเขาก็โผล่มา พร้อมกองของขวัญ คงไม่ใช่… มาไล่เธอออกจากงานนะ

นั่วนั่วที่หลุดไปในโลกส่วนตัว จนไม่ได้ยินประโยคที่เซียวอี้พูด “ตอนสิ้นปี พ่อกับแม่ผมจะย้ายเข้าบ้านใหม่ แล้วผมจะเชิญทั้งคู่มาทานข้าวด้วยกันนะครับ”

ใครที่ได้ยินย่อมจะตีความออกว่า “สองครอบครัวมาพบกัน เพื่อจะหาวันดีๆ สำหรับเด็กสองคน” เมื่อได้ยิน พ่อแม่นั่วนั่วมองตากันเป็นนัยๆ ก่อนรีบพยักหน้า นั่วนั่วที่กำลังฝันกลางวัน กินข้าวเงียบๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสามคนถึงมีท่าทางตื่นเต้น

นั่วนั่วที่น่าสงสาร… โดนพ่อแม่ขายเสียแล้ว…

เวลาสองทุ่ม… บอสใหญ่เซียวตัดสินใจบอกลา

นั่วนั่วที่จำต้องเดินไปส่งเขา คิดว่าจะกำจัดบอสใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ผลน่ะเหรอ เขายืนเฉยไม่ยอมไปไหนอยู่ตรงหน้ารถ มองขึ้นฟ้า ยิ้มกว้าง “นั่วนั่ว ตอนนี้ลมเย็นสบาย แสงจันทร์สว่างสดใส เราไปเดินเล่นกันเถอะนะ”

=__=

นั่วนั่วคิด… บอสใหญ่เซียว คุณกลายเป็นนักกวีที่ชื่นชอบแสงจันทร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน วันนี้เขาทำตัวเหมือนคนบ้า

เซียวอี้ไม่อธิบายอะไร ก้าวเท้ามาดึงมือนั่วนั่ว นั่วนั่วกระโดดโหยง ก่อนกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น “เซียว….. เซียว…..มีอะไรอยากพูดก็พูดมาเลยค่ะ อย่าอ้อมค้อมดีกว่า”

เซียวอี้เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แสงจันทร์ขับใบหน้าหล่อเหลาให้น่าหลงไหลยิ่งขึ้น รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ในที่สุดเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยก็เข้าใจเขาเสียที”

ด้วยทีท่าน่าสังเวชนั่วนั่วขมวดคิ้ว ก่อนถาม “ที่จริง.. วันนี้ที่คุณมาที่บ้านฉัน… ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณอยากให้ฉัน………ลาออกใช่ไหมคะ”

ระหว่างมื้อเย็น นั่วนั่วคิดจริงใจว่า บอสใหญ่เซียวที่สามารถดุด่าเธอได้ มาเยี่ยมเธอถึงบ้าน มีเหตุผลที่แท้จริงเพียงข้อเดียวเท่านั้น เพราะเธอทำให้เขาโกรธ บอสใหญ่เซียวจึงจะให้เธอออกจากงาน แต่สัญญาจ้างชั่วคราวของเธอยังไม่หมด ถ้าเธอลาออกตอนนี้ ตามกฏแล้ว ต้องจ่ายเงินชดเชย บออสใหญ่เซียวคงอยากลดค่าชดเชย เลยมาที่บ้านเพื่อหาเหตุผลมากล่อมเธอล่ะมั้ง

นั่วนั่วถอนหายใจ เธอเคยทำงานในบริษัทเล็กๆ เจ้านายที่ต้องการประหยัด ใช้ทุกวิธีทางเพื่อจะลดค่าใช้จ่าย แต่การที่บอสใหญ่เซียวมาเยี่ยมเธอเป็นการส่วนตัวเพื่อค่าชดเชยเล็กๆน้อยๆ นั่วนั่วพึ่งเจอคนแบบนี้เป็นครั้งแรก

สีหน้าบอสใหญ่เซียวเปลี่ยนเป็นทะมึนมืดทันที

เจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยฉลาดมาก ม่อจื้อหยวนเคยพูดว่า มีหลายอย่างที่หลายคนต้องฝึกอบรมสองสามหน บางคนอาจจะไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว แต่นั่วนั่วเป็นข้อยกเว้น เธอเรียนรู้ได้ภายในครั้งเดียว… หลังจากนั้น เธอจะไปค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และนี่คือเหตุผลที่ม่อจื้อหยวนสนับสนุนนั่วนั่ว

เซียวอี้เองก็ประทับใจในความหลักแหลมของนั่วนั่วเช่นกัน

มีหลายอย่างที่คุณคิด แต่เธอจัดการทำให้คุณไปล่วงหน้าแล้ว แค่คุณเผลอหาว กาแฟก็โผล่มาในมือคุณ นี่เป็นความเฉลียวฉลาดที่ดึงดูดเซียวอี้

แต่ในทางกลับกัน เซียวอี้คิดว่า…. อีคิวของนั่วนั่วนั่วนั้น…… เขาไม่กล้าพูดถึงด้วยซ้ำ

มื้อค่ำ เดท การดูแลเป็นพิเศษ ตอนบาดเจ็บก็มารับทุกวัน วันนี้เขาก็มาพบพ่อแม่ถึงบ้าน การกระทำของเขามันไม่ชัดเจนพอเหรอไง ทำไมนั่วนั่วถึงคิดไปไกลได้ขนาดนั้น…… ไล่ออกงั้นเหรอ

เซียวอี้สูดหายใจลึกๆ ปิดตาอีกครั้ง “นั่วนั่ว”

“มาค่ะ”

“ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย”

ได้ยินคำพูด นั่วนั่วเริ่มตกใจ บอสใหญ่เซียวพูดอะไร… หมายความว่าอะไร นั่วนั่วจิ้มฝ่ามือตัวเองเล่น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่ฉันเถียงคุณต่อหน้าทุกคนใช่ไหมคะ”

เซียวอี้กระพริบตา ตาเป็นประกาย “เธอไม่สบายใจงั้นเหรอ”

นั่วนั่วพยักหน้า “จู่ๆคุณก็มาถึงบ้านฉันพร้อมกองของขวัญ แต่ไม่พูดอะไรสักคำ วันก่อนแม่ฉันชวนคุณทานมื้อเย็นที่บ้าน คุณก็ไม่ยอมอยู่ทาน แต่วันนี้…”

นั่วนั่วพูดไม่ทันจบ เซียวอี้ก็ขัดจังหวะก่อนกระซิบ “เพราะวันนี้เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการไงล่ะ”

“ทำไม?” นั่วนั่วเบิกตากว้างก่อนจ้องเขา “คุณหมายความว่ายังไงน่ะ”

เซียวอี้หัวเราะ รอยยิ้มสดใส ดวงตาทอแสงอ่อนโยน เอนตัวมาข้างหน้า “ที่ฉันปฏิเสธไม่ยอมอยู่ทานมื้อค่ำ เพราะฉันไม่อยากใช้ตัวตนของเสี่ยวจางเพื่อทานมื้อค่ำกับพ่อแม่ของเธอ แต่คืนนี้….” เซียวอี้ตอบด้วยคำอุปมา “คืนนี้ลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการ ยืนยันความหมายแห่งสัมพันธ์”

“คุณไม่ได้โกรธเรื่องวันนั้นเหรอ?”

เซียวอี้ที่ตาเป็นประกายพยักหน้า “โกรธสิ ฉันอยากพาเธอกลับมาเดี๋ยวนั้นเลย”

อันที่จริง วันนั้นจะโทษเซียวอี้ทั้งหมดก็ไม่ได้ ในฐานะผู้วางนโยบายหลัก เขามีความคิดเห็นและความกังวลของตัวเอง นั่วนั่วเป็นเพชรที่ยังไม่ได้เจียรนัย หลันจุนเหยียนที่เริ่มผลิตเกมส์สำหรับผู้หญิงก่อน สามารถคาดเดาทิศทางตลาดและความต้องการของผู้เล่นได้ดี แต่ปัญหาหลักของชายคนนี้คือ ความอิจฉาริษยา ถึงแม้จะไม่ใช่ข้อร้ายแรง หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมเซียวอี้ถึงกล้าดึงเขามาด้วยเงินเดือนสูงๆ แต่เซียวอี้คิด… “สนใจแต่แก่น แต่ทิ้งตะกอน”

สรุปสั้นๆ คือ สูบข้อมูลดีๆมีประโยชน์เกี่ยวกับเกมส์สำหรับผู้หญิงมาจากหลานจุนเหยียนให้เกลี้ยง และก็เตะตาลุงลามกทิ้งไป… ส่วนหัวหน้าโปรเจคคนใหม่นั้นเซียวอี้และม่อจื้อหยวนเห็นพ้องต้องกันว่า นั่วนั่วเหมาะที่สุด

ดังนั้นการปรับสมาชิกทีมจึงเป็นไปตามนั้น นั่วนั่วเป็นโปรดิวเซอร์หญิงคนเดียว และทิศทางตลาดนั้นมุ่งไปที่เกมส์สำหรับผู้หญิง เซียวอี้คิดหนัก ไม่สามารถจับปลาสองมือมีแต่ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเลือกให้นั่วนั่วยอมทิ้งโปรเจค “กิเลนมาร” ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างช่วยไม่ได้

สำหรับสายงานโปรดักชั่น… การทำโปรเจคสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในเวลาเดียวกันนั้น ผลงานนั้นจะออกมาแย่สุดๆ เซียวอี้ที่เรียกนั่วนั่วมาคุย เจ้ากระต่ายน้อยตกลงอย่างว่าง่าย แต่กลับทำแบบนี้ลับหลัง

เวลานั้น เซียวอี้จะไม่โมโหก็คงยาก แต่เซียวอี้ไม่คิดว่า กระต่ายจอมตื่นตระหนกจะสามารถกัดคนได้

เซียวอี้หลุดจากภวังค์ ยอมประนีประนอม “ไม่เป็นไรแล้ว”

นั่วนั่วมองใบหน้าหล่อเหลาของบอสใหญ่เซียวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทันรู้ตัวว่าเซียวอี้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฟังเสียงเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่ายหน้า “ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

“งั้นฉันจะทำให้เธอเข้าใจเอง” เซียวอี้ไม่ปล่อยเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยจากอ้อมแขน ก้มมาข้างหน้า ก่อนปิดปากเธอ

“ป๊อง”

หัวใจนั่วนั่วได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง สมองเธอหยุดทำงานฉับพลัน เหมือนไฟฟ้าถูกตัด

ระหว่างฟ้าแลบ นั่วนั่วรู้สึกถึงริมฝีปากนุ่ม อุ่น และร้อนของเขา ตกอยู่ในอารมณ์อ่อนไหว อบอุ่น รู้สึกดีมาก นั่วนั่วหลับตาเหมือนถูกสะกด

เธอถูกจูบ…

รอยจูบของบอสใหญ่

จุมพิตบางเบา ไม่นานนัก เมื่อเซียวอี้ปล่อยนั่วนั่ว เธอรู้สึกตัวเบาเหมือนเธออยู่ในความฝัน ได้ยินเสียง

“นั่วนั่ว ฉันชอบเธอ”

ตอนนี้… นั่วนั่วรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆ…

สะดุดหัวใจเจ้านายหมาป่า 19

บทที่ 19 ผมชื่อเซียวอี้

นอกออฟฟิศของเซียวอี้ นั่วนั่วพิมพ์ใบลาให้แผนกบุคคลอย่างรวดเร็วก่อนเดินออกไปอย่างสบายๆ

ตามขั้นตอนปกติ พนักงานจะเขียนใบลาล่วงหน้าหนึ่งวันหรือครึ่งวันส่งให้กับแผนกบุคคล ก่อนจะรับทราบ และพนักงานก็จะยื่นให้กับหัวหน้าโดยตรง ซึ่งจะเซ็นยินยอม ก่อนส่งต่อให้กับหัวหน้าแผนก ซึ่งจะเซ็นอนุมัติอีกที

แต่ตอนนี้นั่วนั่วไม่สนอะไรแล้ว เธอทิ้งใบลาไว้แบบนั้น ก่อนจะถือกระเป๋าเดินออกจากตึกไป ผู้จัดการแผนกบุคคลไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนเรียกเธอ แต่นั่วนั่วทำเป็นไม่เห็น

นั่วนั่วทำงานที่บริษัทไม่นานเท่าไร แต่กลับเป็นกรณีพิเศษไปเสียแล้ว บอสใหญ่สั่งย้ายเธอไปแผนกวางแผนเป็นการส่วนตัว บอสใหญ่พยักหน้าอนุญาตให้เธอเข้าร่วมทีมโปรเจค บอสใหญ่สั่งอาหารเย็นให้เธอเป็นการส่วนตัว …แล้วเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยื่นใบลาวันนี้เลยเหรอ

ผู้จัดการแผนกบุคคลนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการ “เลีย” ประจบประแจงบอส แต่สถานะของนั่วนั่วคนนี้ยังไม่ชัดเจน ถึงแม้ว่า ทั้งความสัมพันธ์ของเธอระหว่างม่อจื้อหยวน และรุ่นพี่อีกหลายคนยังกำกวมอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้าแตะต้องเธอง่ายๆ ผู้จัดการแผนกบุคคลจึงได้แต่รายงานความจริงไปว่า “ใบลาของนั่วนั่วยังไม่ได้รับการอนุมัติ แต่เธอกลับบ้านไปแล้ว”

นั่วนั่วอยู่บนรถเมล์รู้สึกแน่นหน้าอก กำหมัดแน่น เธอรู้สึกอยากได้กระสอบทรายหน้าคน จะได้ต่อยให้สะใจ และกระสอบทรายหน้าคนนี่ เหมาะกับสกุล…เซียว ชื่อ อี้ มากที่สุด

เซียวอี้งี่เง่า ตายซะเซียวอี้!!!!!

เขาเรียกสมาชิกทีม “ศาลาป่าไผ่” มาแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยสักนิด ไม่ทันได้สืบสวนอะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาต้องช่วยตาลุงโรคจิตนั่นด้วย

นั่วนั่วรู้สึกแย่มาก เธอเชื่อมั่นในตัวบอสใหญ่เซียวมาโดยตลอด เธอคิดว่าการตัดสินใจของเขานั้นยอดเยี่ยม ไม่ต่างอะไรกับคำพูดของแม่ “คนที่ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่” ดังนั้นบทที่เธอถูกย้าย แม้ใจเธอจะพร่ำบ่นที่ต้องยกลูกชายสุดเลิฟ “กิเลนมาร” ให้คนอื่นไปเลี้ยงดูฟูมฟัก เธอก็ไม่เคยกังขาในการตัดสินใจของเขาแม้แต่น้อย

หรือว่า… เจ้านายจะรู้สึกว่า ลุงลามกคนนี้มีพรสวรรค์ที่เธอสามารถเรียนรู้ได้…

หรือว่า… เจ้านายรู้สึกว่า ในเมื่อบริษัทมีนักเขียนหญิงเพียงคนเดียว เธอควรจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเกมส์สำหรับผู้หญิง และหวังว่าเธอจะเข้าใจ

หรือว่า… เจ้านายคิดว่า ปัญหาเกี่ยวกับสคริปของกิเลนมาร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เลยให้เธอทำโปรเจคต่อไปทันที

แต่……. ม่ายยยยยยยยยย ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มันไม่ใช่สักนิด

ตาลุงลามกเป็นไอ้ขี้แพ้ตัวจริง ส่วนทีมกิเลนมารที่มีสมาชิกน้อยลงไปฉับพลันก็ยุ่งสุดๆ เธอแค่ใช้เวลาว่างมาแก้สคริป “กิเลนมาร” เอง มันผิดตรงไหนกัน เธอไม่ดีพอสำหรับบริษัทเหรอไง เธอแค่อยากให้เกมส์สมบูรณ์แบบด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้

นั่วนั่วโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ เธอกลับบ้านและอ้างง่ายๆว่า บริษัทปิด ก่อนเปิดประตูห้องนอน เล่นเกมส์ อัดบอส(ในเกมส์) เวลานั่วนั่วรู้สึกเซ็งๆ นั่วนั่วมักจะออนไลน์เพื่อไปสับสัตว์ประหลาดในเกมส์เล่นฆ่าเวลา แต่วันนี้เธอต้องการหาตัวแทนไว้ระบาย ทุกมีดที่กรีดลงไปที่สัตว์ประหลาด คือทุกมีดที่ลงกรีดไปบนร่างของเซียวอี้

ผลคือ นั่วนั่วได้รังแกบอสอย่างสาสมใจ

นี่เป็นเรื่องปกติมาก นั่วนั่วเลเวลหกสิบแล้ว อุปกรณ์ครบถ้วน นักดาบขาวตัวน้อยที่ถือ “ทะเลสาบหยกโลหิต” เป็นนักรบผู้กล้าหาญ ไม่หวั่นเกรงความตาย ตัดสินใจลุยเดี่ยวกับ “บอส” แต่กลับ…โดนฆ่าภายในเสี้ยววินาที…ไม่น่าสงสารเลยสักนิดเดียว

นั่วนั่วทำปากยื่น จ้องเกมส์… ตัวละครของเธอนอนอยู่บนพื้น ดวงตานั้นเป็นรูป X.X แถมยังโดนลูกน้อง “บอสใหญ่” ที่เดินไปเดินมารุมเหยียบซ้ำๆอีกต่างหาก เธอเริ่มทำใจได้ก่อนถอนหายใจเฮือก “แม้แต่เกมส์ยังรังแกฉันเลยอ่ะ แง”

เฮ้อ… ถ้ามี “บอส” มาเกี่ยวข้อง เธอก็หนีการถูกฆาตกรรมไม่พ้นเลยเหรอไง เซ็งชะมัด

การสู้กับ “บอส” ในเกมส์ออนไลน์ ถ้าเธอตาย ยังได้ค่าประสบการณ์บ้าง ถึงแม้อาจจะเสียอุปกรณ์สวมใส่ก็เถอะ……แต่การสู้กับบอสในชีวิตจริงล่ะ?

นั่วนั่วรู้สึกสงบลงในที่สุดก่อนเริ่มคิดแบบจริงจังว่าเธอควรทำอะไรต่อดี เธอพูดมากเกินไป ไม่รักษาหน้าบอสใหญ่เซียว กล่าวหาบริษัท ใช้สีสันในการทำตลาด… และเธอทำทุกอย่างนั้นต่อหน้าผู้คนตั้งเยอะตั้งแยะ

โอยยยยยยย โอยยยยยยยยย โอยยยยยยยยยยยยยยย

แค่คิดนั่วนั่วก็ปวดหัวแล้ว เธอไม่น่าจะมีสิทธิ์อยู่ที่บริษัท Owl Wing ต่อได้แหงๆ นั่วนั่วยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ลงเรื่อยๆ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสับสน…จนกระทั่ง……. เธอหลับคาโต๊ะไปเสียดื้อๆ

-__-|||

และเมื่อเธอตื่นมา… ท้องฟ้าก็มืดสนิท นั่วนั่วได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ดังแผ่วๆมาจากห้องนั่งเล่น

“แม่คะ เสียงดังจัง” นั่วนั่วสวมรองเท้าแตะ อ้าปากหาวหวอดๆ เธอเห็นฉากในห้องนั่งเล่น กลืนหาวที่ค้างอยู่ลงท้อง… อะไรกันเนี่ย ทำไมบอสใหญ่มานั่งทอดหุ่ยสบายอารมณ์อยู่บนโซฟาบ้านเธอ จิบชา กินผลไม้… แม่เธอคุยเจ๊าะแจ๊ะร่าเริงอยู่ข้างๆได้ล่ะ

หรือเธอยังไม่ตื่นกันเนี่ย

นั่วนั่วขยี้ตา ก่อนเห็นแม่เธอวิ่งมาลูบหัวเธอ “เด็กคนนี้นี่ เสี่ยวจางมาตั้งนานแล้ว เห็นลูกหลับ เลยไม่ได้ปลุก ลูกตื่นก็ดีแล้ว อย่างน้อยไปแต่งตัวใหม่ได้ไหม นี่…”

หม่าม้าซูโกรธนั่วนั่ว เธอมองตามนิ้วที่ชี้มา …เยี่ยมจริงๆ

มันไม่ใช่หน้าร้อน… นั่วนั่วกลับบ้านมาก็อาบน้ำและเปลี่ยนชุดนอน ตอนนี้เธอสวมแค่กระโปรงลายหมีพูห์แขนกุด ไม่สุภาพสักนิด แต่ที่ทำให้นั่วนั่วอยากเอาหัวชนกำแพงคือ… เธอไม่ได้สวมชั้นใน…

>__<

เธอพึ่งตื่นมาแบบขี้ตาเกรอะกรัง หัวฟูเป็นรังนก นั่วนั่วกำมือแน่น สำลัก ไม่อยากคิดว่าสภาพตอนนี้เธอดูทุเรศขนาดไหน และ เธอทิ้งเงา (ภาพลักษณ์แย่ๆ)ที่ใหญ่ขนาดไหนไว้ในใจบอสใหญ่เซียวกัน

แม่จ๋า นี่คือความฝันใช่ไหม…

บรรยากาศนั้นเริ่มน่าอึดอัด นั่วนั่วไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่แข็งอยู่กับที่ ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แม่เธอรู้สึกเขินอาย ก่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง “เสี่ยวจาง ไม่ใช่ว่าเราเจอกันครั้งแรกสักหน่อย ทำไมซื้อของขวัญมาเยอะแยะไปหมดล่ะ”

นั่วนั่วที่รู้สึกอยากจับผิดคน เห็นข้าวของกองใหญ่ข้างตัวบอสใหญ่เซียว เซียวอี้ที่ได้ยินก็ส่ายหัว “การซื้อของขวัญเป็นเรื่องปกติครับ เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่ผมมาทานข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ของนั่วนั่ว และวันนี้เป็นวันที่ผมรู้จักกับคุณลุงคุณป้าอย่างเป็นทางการ”

ได้ยิน นั่วนั่วเกาคางก่อนทำหน้าบูด ทำไมมันฟังดูแปลกๆ เธอยิ่งฟัง มันยิ่งเหมือน… การพบกันครั้งแรกของ แม่ยาย กับลูกเขยยังไงชอบกล  นั่วนั่วลังเล ฟังแม่หัวเราะอย่างมีความสุข “โธ่ เสี่ยวจาง เด็กคนนี้…”

“คุณป้าครับ” แม่เธอไม่ทันพูดจบ เซียวอี้ส่ายหัวอย่างแรงเพื่อขัดจังหวะ หยุดก่อนยืนขึ้น “ผมชื่อ เซียวอี้ เป็นเจ้านายนั่วนั่ว ขอบคุณมากสำหรับการต้อนรับวันนี้ครับ”

……

เมื่อได้ยินประโยคนี้ แม่เธออ้าปากค้าง… ก่อนดึงลูกสาวมากระซิบถาม “นั่วนั่ว นี่…นี่คือ สัปปะรดคนนั้นน่ะเหรอ”

=__=

นั่วนั่วรู้สึกอาย แม่คะ มุขของแม่มันไม่ตลกสักนิด

สะดุดหัวใจเจ้านายหมาป่า 18

                                                              บทที่ 18 ไม่ตลก

แม่คะ มุขของแม่มันไม่ตลกสักนิด…

บ่ายวันถัดมา… นั่วนั่วที่กำลังเดินไปโรงอาหารโดนขัดจังหวะโดยหลินเอ็มเอ็ม

หลินเอ็มเอ็ม แนบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน ก้มหัว ทำท่า “ขอร้องล่ะน๊า” นั่วนั่วจ๋า เท่าที่ดูเธอดูสบายดีกว่าที่คิดเยอะนิน่า เห็นบอกว่าขายังไม่หายดีไม่ใช่เหรอ งั้นเดี๋ยวฉันจะส่งข้าวกลางวันเจ้านายไปให้ที่ออฟฟิศเธอ แล้วเธอช่วยเอาเข้าไปให้เขาที่ห้องหน่อยสิ

นั่วนั่วดูดลิ้นเล่น “เอ๋ หมายความว่าไง” บอสใหญ่น่ากลัวขนาดนั้นเลย? หรือว่าหลินเอ็มเอ็มเริ่มกลัวบอสแล้ว

หลินเอ็มเอ็มถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนทำปากยื่นแบบน่ารักๆก่อนเริ่มบ่น “ตอนนี้เขากำลังปลุกปล้ำกับโปรเจคใหม่อยู่ เจ้านายทำงานล่วงเวลาทุกวัน ตอนเที่ยงฉันเอามื้อกลางวันไปส่ง พอตอนบ่ายก็แวะกลับไปเอาชาม แต่ปิ่นโตถูกวางทิ้งไว้ ไม่มีการแตะต้องใดๆเลย สองสามวันก่อน คุณแม่ของเจ้านายก็โทรมาหาลุงหลี่ บอกว่าเจ้านายมีอาการปวดท้องอย่างหนักที่บ้าน เธอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เลยให้ลุงหลี่คอยดูแลเจ้านายให้กินข้าวให้ตรงเวลา แต่ลูกน้องอย่างเราจะไปบังคับอะไรบอสได้ล่ะ แถมเจ้านายยังเป็นคนประเภทที่ทำงานหนักจนไม่สนสุขภาพอีกต่างหาก

นั่วนั่วฟังหลินเอ็มเอ็มที่พูดมารัวๆภายในลมหายใจเฮือกเดียวก่อนคิด “แล้วมาหาฉันเนี่ยนะ เธอไม่กล้าบังคับเจ้านาย แล้วฉันจะกล้าเหรอไง” สิ่งสุดท้ายที่เธอพูดกับบอสใหญ่เซียวคือเรื่องการย้ายทีม และเธอยังไม่เคยคุยกับเขาอีกเลยหลังเรื่องนั้น ถึงแม้เธอจะเจอเขาในแผนกวางแผนบ้าง เธอก็เรียกเขาอย่างสุภาพว่า “เจ้านาย” ก่อนแอบออกไปเงียบๆ นี่คือช่วงสงครามเย็นระหว่างทั้งคู่ และจะให้เธอยอมแพ้เพราะโรคกระเพาะอาหารอักเสบเนี่ยนะ

หลินเอ็มเอ็มกระโดดไปมาอย่างร้อนรน “โธ่ ฉันขอร้องละนะนั่วนั่วคนดี๊คนดี เธอช่วยเอาข้าวกลางวันไปให้เจ้านายหน่อยสิ ฉันจำได้ว่าเขาเรียกเธอไปหาที่ห้องทำงานบ่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอน่าจะดีนี่น่า ฉันลองมาหมดทุกวิธีแล้ว ไม่ว่าฉันจะพูดยังไง เจ้านายก็ไม่ยอมทานข้าวซักที ไม่ยอมชายตามองปิ่นโตด้วยซ้ำ นี่ฉันไม่รู้จะทำไง จนบอสเฟยหลงแนะนำให้มาหาเธอน่ะ

นั่วนั่วเหงื่อตก บอสเฟยหลงนี่ยุ่งจริงๆ

หลินเอ็มเอ็มเห็นนั่วนั่วไม่ยอมพูดอะไร เข้าใจว่าเธอกำลังลังเล เลยฉีกยิ้มหวานให้ “นั่วนั่ว สองวันก่อนเธอยังบอกอยู่เลยว่าเธอชอบบรรยากาศการทำงานของที่นี่ไม่ใช่เหรอลองคิดดูสิ ถ้าเจ้านายป่วยหนัก บริษัทก็จะตกอยู่ในมหันตภัยใหญ่หลวงเชียวนะ อาจจะล้มละลายเลยก็ได้… แล้วเธอจะไปหาบรรยากาศการทำงานที่ สะ สบายๆ เอ่อ…สะ…สามัคคี แบบนี้จากบริษัทไหนได้อีกล่ะ”

หลินเอ็มเอ็มชะงัก ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ “แล้ว…ก็…. ถ้าฉันจำไม่ผิด เธอยังเหลือช่วงทดลองงานอีกหนึ่งอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ”

นั่วนั่วเกาหัว แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับช่วงทดลองงานของเธอล่ะ

“อ๊ะ” หลินเอ็มเอ็มยิ้มชั่วร้าย ดึงนั่วนั่วเข้ามาใกล้ๆก่อนกระซิบข้างหู “รู้ไหมว่า ถ้าเจ้านายเข้าโรงพยาบาลเพราะกระเพาะอาหารอักเสบน่ะ ถึงแม้ ม่อเกอ หลันเกอ กับลุงหลี่ จะเห็นด้วยกับการที่เธอจะกลายเป็นพนักงานประจำ แต่ถ้าเจ้านายไม่อยู่คอยเซ็นอนุมัติเอกสาร เธอก็ไม่ต่างอะไรกับพนักงานชั่วคราวอยู่ดีแหละ”

ประโยคนั้นดับฝันนั่วนั่วลงดังวูบ

นั่วนั่วส่งสายตาหนักแน่นให้หลินเอ็มเอ็ม พยักหน้าช้าๆ เพื่อตำแหน่งพนักงานประจำ ทิฐิอะไรก็ต้องวางไว้ก่อน

เซียวอี้กำลังเขียนอะไรสักอย่างอยู่บทที่นั่วนั่วเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับปิ่นโต เขาจมอยู่ในเอกสารเกี่ยวกับมุมมองของแผนกวรรณกรรม เขาทุ่มเททั้งชีวิตและจิตวิญญาณให้กับโปรเจคนี้โดยไม่สนใจปิ่นโตที่วางอยู่ตรงหน้า แค่เพียงเงยหน้า ก่อนทำเสียงอืมทักทายเล็กน้อยเท่านั้น

เซียวอี้โมโหเล็กน้อย เขากำลังครุ่นคิดว่าหลินเอ็มเอ็มคนนี้เริ่มกล้ามากขึ้นแล้ว เมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงและคิ้วขมวดๆของเขา เสียงก็เงียบลงเล็กน้อย “ฉันบอกเธอแล้วนะ ว่าให้เอาปิ่นโตไปไว้ในห้องรับแขก ฉันอยากทานเมื่อไรจะไปหยิบเอง”

นั่วนั่วทำหูทวนลม ก่อนวางปิ่นโตเถาหนึ่งลงตรงหน้าบอสใหญ่เซียวก่อนพูด “เที่ยงนี้ ทางห้องครัวทำเต้าหู้ผัดน้ำปลา เนื้อฝอย รากบัวกับแกงจืดฟักเขียว อาหารอ่อนๆพวกนี้ ดีต่อกระเพาะนะคะ”

เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ หัวใจเซียวอี้เหมือนหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ เขาเงยหน้าขึ้นทันทีเพื่อมองใบหน้ากลมๆเล็กๆตรงหน้า ก่อนหลุดยิ้มออกมา เขาไม่ได้แกล้งทำเป็นโมโหจนไม่ยอมกินข้าวหรอกนะ แต่เซียวอี้กำลังรอให้งานลงตัวก่อนที่จะหาโอกาสไปหยอกเจ้ากระต่ายน้อย ด้วยใบหน้าเย็นชาที่ไม่มีใครเข้าถึงนั่น แต่เจ้ากระต่ายน้อยกลับมาหาเขาก่อนเสียนี่

เซียวอี้เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ทิ้งตัวลงพิงกับเก้าอี้อย่างมีความสุข พร้อมกับมองเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว เขาสังเกตุเห็นว่านั่วนั่วเริ่มตื่นเต้น จึงเลิกแกล้งก่อนพูด “ไม่โกรธฉันแล้วเหรอไง”

ปฏิกิริยาของนั่วนั่ว… พูดแบบนี้ในออฟฟิศนี่มัน…กำกวมเกินไปแล้ว กำกวมจริงๆ ถ้าหลินเอ็มเอ็มกับลุงหลี่ได้ยิน เธอไม่รู้จะทำอย่างไงดี…

นั่วนั่วแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ขบฟันแน่น “เจ้านายคะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ทานข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด อาหารชืดๆไม่ดีต่อกระเพาะนะคะ”

นิ้วของเซียวอี้เริ่มไขว้กัน ตั้งแต่เธอเข้ามา พูดถึงแต่เรื่องกระเพาะของเขาเท่านั้นเอง อย่าคิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆนะ บอสใหญ่เซียวถูคิ้วเล่นก่อนสั่งด้วยท่าทีกันเอง “ช่วยไปชงกาแฟให้แก้วหนึ่ง แล้วยกมาให้ฉันที่นี่ด้วย”

คำสั่งนี้ทำเอานั่วนั่วโมโหกว่าเดิม เธอจ้องเซียวอี้ด้วยสายตาดุๆ “ไม่ค่ะ ไม่ได้นะ ถ้าดื่มกาแฟตอนท้องว่าง เดี๋ยวก็ปวดท้องไปใหญ่หรอก คุณน่ะมาทานข้าวซะดีๆ!!”

พอรู้ตัว นั่วนั่วก็อดอึ้งไม่ได้ เมื่อกี้เธอพึ่งสั่งบอสใหญ่ไป… “คุณน่ะมาทานข้าวซะดีๆ” ซี้แหงแก๋แล้ว บอสใหญ่เซียวต้องถลกหนังเธอแหงๆ นั่วนั่วหลับตาลงรอคำสั่งประหารชีวิต เวลาผ่านไปพักใหญ่ก่อนได้ยินเสียงบอสใหญ่เซียวพูด “อาหารในโรงอาหารน่ะ…ไม่ค่อยถูกปากฉันเท่าไร”

เอ๊ะ อะไรกันน่ะ นั่วนั่วกระพริบตา บอสใหญ่เซียวมาบ่นอะไรกับเธอน่ะ น้ำเสียงเหมือนเขากำลังงอนอยู่เลย นั่วนั่วอดกลัวที่เธอคิดเพ้อเจ้อไปไกลไม่ได้ รีบส่ายหัวก่อนพูด “คุณไม่ชอบอาหารใช่ไหมคะ ไม่เป็นไรค่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะโทรหาลุงหลี่ให้แจ้งโรงอาหาร…”

นั่วนั่วพูดพลางจะถอย ลางสังหรณ์ของเธอกำลังร้องเตือนว่าต้องออกจากห้องทำงานของเซียวอี้เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง “เจ้านายคะ ถ้าคุณยุ่ง ฉันจะออกไปก่อน…”

แต่พูดไม่ทันขาดคำ มือของเซียวอี้ก็ยื่นออกมา รวบเธอเข้าไปในอ้อมกอด ริมฝีปากสัมผัสริมฝีปาก… ใบหน้านั่วนั่วแดงก่ำ เธอเงยหน้ามองเงียบๆ  บอสใหญ่เซียวก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน เธอรู้สึกเหมือนกำลังเป็นตะคริว…

เซียวอี้สบตานั่วนั่ว หัวเราะเบาๆก่อนลูบผมกระต่ายขาวตัวน้อย “นั่วนั่ว…”

เขากำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่อีก

“ฉัน…”

ก๊อกๆๆๆ

เซียวอี้ที่กำลังจะเอ่ยปาก ดันถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู เหมือนกับในละครไม่มีผิด

นั่วนั่วกระโดดออกจากอ้อมแขนเซียวอี้ ยิ้มหวาน ก่อนไปเปิดประตู แต่เหมือนจะหนีเสือปะจระเข้ คนที่มาเคาะประตู คือตาลุงประหลาด

นั่วนั่วที่เห็นคนตรงหน้า ลังเลเล็กน้อย เธออยากจะรีบหนีออกไปให้บอสใหญ่เซียวกับลุงประหลาดคุยงานกัน แต่ตาลุงกลับมองนั่วนั่วด้วยสายตาแปลกๆ “โอ๊ะ มีคนมาเร็วกว่าฉันไปก้าวหนึ่ง… ตัวร้ายรีบลงมือจัดการเหยื่อก่อนถูกประหารสินะ”

ลุงประหลาดเดินไปตรงหน้าเซียวอี้ ในขณะที่นั่วนั่วฟังแบบงงๆ “เจ้านาย ตั้งแต่นั่วนั่วย้ายมาอยู่ในกลุ่ม เธอไม่ยอมย้ายมาทำงานในออฟฟิศเล็ก ไม่ยอมฟังคำสั่งผมอีกด้วย สองวันก่อนเธอยังเถียงผมฉอดๆ เรื่องที่ผมให้แก้สคริปอยู่เลย ผมคิดว่าเธอยังน่าจะพัฒนาได้ แต่ช่วงพักเที่ยงผมเปิดคอมพิวเตอร์เธอ ดูสิผมเจออะไร

พอพูดจบ ตาลุงก็คว้าเอกสารปึกใหญ่ออกมาวางตรงหน้าเซียวอี้ ที่ทำหน้าบึ้งแต่ก็หยิบขึ้นมาดู และหน้าเขาบูดขึ้นเรื่อยๆเมื่ออ่าน

นั่วนั่วเข้าใจแล้วว่าตาลุงหมายถึงอะไร ตาลุงโรคจิต… ไอ้เลวเอ้ย ต่อหน้าทำเป็นสุภาพ ทำตัวเป็นคนดีต่อหน้า แต่กลับเล่นงานฉันลับหลังเพราะฉันไม่ยอมแก้พล็อตเรื่อง เพราะความยึดมั่นในหลักการของตัวเองเนี่ยนะ…

นั่วนั่วลังเล แอบเปิดคอมคนอื่นบทที่เจ้าของไปทานข้าวเนี่ยนะ แต่คนแบบนี้ เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า “เรื่องปกติ” ของเขามันเป็นแบบไหน เธอคาดว่าเขาอาจจะถือโอกาสมารายงานเรื่องเธอเงียบๆบทที่ทุกคนไม่อยู่ แต่กลับมาเจอเธอ “ที่เร็วกว่าเขาไปหนึ่งก้าว” คิดว่าเธอวิ่งมารายงานเรื่องเขาล่ะสิ ทุ่มสุดตัวจริงๆ

ตาลุงโรคจิตนี่ นอกจากหื่นแล้ว ยังเจ้าเล่ห์สุดๆอีกด้วย

คอมเธอไม่ได้ตั้งพาสเวิร์ดไว้ เพราะเธอคิดว่าเธอไม่มีอะไรต้องปิดบัง เธอไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นในเวลาทำงานสักหน่อย แต่ถ้ามีอะไรอื่นผิดปกติก็…

มือของบอสใหญ่วางเอกสารลง ก่อนจ้องเธอ “เธอยังทำโปรเจคกิเลนมารอยู่เหรอ?”

นั่วนั่วโค้ง เธอรู้… อันที่จริงเธอรู้ว่าเธอควรเชื่อฟังการจัดการของหัวหน้า ตั้งใจพัฒนาโปรเจคเกมส์สำหรับผู้หญิงไป แต่รุ่นน้องที่รับผิดชอบการเขียนสคริปใหม่ของ “กิเลนมาร” ไม่เข้าใจอะไรก็ต้องวิ่งมาหาเธอตลอด นั่วนั่วเข้าใจดีว่านี่น่ะเป็นสคริปที่เธอเขียนเอง สคริปที่เป็นแค่ฉบับร่าง และจุดเล็กจุดน้อยก็ยังไม่ได้ระบุลงไป ถ้ารุ่นน้องจะงงก็ไม่แปลกหรอก

สองคนวิ่งไปๆมาๆไม่หยุด วันหนึ่งรุ่นน้องก็พูดทั้งน้ำตาว่า “รุ่นพี่ซู มาที่นี่ทุกวันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลยสักนิด งั้นพี่ช่วยทำโครงเรื่องหลักให้เสร็จได้ไหม เดี๋ยวผมปรับบทสนทนาเอง”

นั่วนั่วคิด งานหลักเธอก็ไม่ได้เยอะ และยังมีสาวๆในทีมแบ่งงานกันไปทำ จนแทบไม่เหลืองานให้เธอ ดังนั้นเธอก็ออกปากอย่างเต็มใจ แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ดีเท่าไร… นั่วนั่วจึงแก้สคริปกิเลนมารอยู่เงียบๆ งานหลักเธอเองไม่มีปัญหาอะไร เธอทำงานเสร็จก่อนเวลาด้วยซ้ำ แต่เธอโดนตาลุงโรคจิตดึงหางเปียเสียนี่

นั่วนั่ว: เจ้านายคะ ฉัน”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” เซียวอี้หยุดนั่วนั่วภายในหนึ่งประโยค กดโทรศัพท์ พูดเสียงเข้ม”หลินเอ็มเอ็ม แจ้งทุกคนในทีมโปรเจคโมจื้อหยวนมาที่ออฟฟิศผมเดี๋ยวนี้”

“แต่…”

“ซูนั่ว ฉันไม่ต้องการพูดกับเธอตอนนี้”

“….” บรรยากาศเย็นเยือกนี้ทำให้นั่วนั่วหุบปากลงสนิท…

สิบนาทีต่อมา สมาชิกทีม“ศาลาป่าไผ่” มาพร้อมหน้ากันในห้องทำงานของเซียวอี้ ตาลุงโรคจิตเตรียมตัวดูละครฉากเด็ด หลินเอ็มเอ็มที่เห็นเหตุการณ์ กระแอม “บอสโม่ คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า เซียวจาง คุณรับผิดชอบเรื่องสคริปนี่ อธิบายมา”

นั่วนั่วลุกขึ้นยืนทันที ก่อนเดินออกไปข้างนอก ทำเอาทุกคนอึ้ง หลินเอ็มเอ็มตะลึงไปสองวินาทีก่อนวิ่งไปคว้านั่วนั่ว กระซิบ “นั่วนั่ว ทำอะไรน่ะ”

นั่วนั่วเอ่ยแบบไม่กลัวอะไร “ถ้าบริษัทนี้ไม่มีการแบ่งแยก ไม่สนว่าเรื่องอะไรถูกเรื่องอะไรผิด การรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคนอื่น ส่วนโค้งส่วนเว้า … ฉากรักๆใคร่ๆ เรื่องแบบนี้มันมากเกินไปสำหรับสำหรับบริษัทโปรดักชั่นแล้วฉันคิดว่า ฉันคงไม่เหมาะกับที่นี่

นั่วนั่วหยุด ก่อนเงยหน้ามองเซียวอี้ด้วยแววตาเป็นประกาย “ฉันขอถอนตัวจากการเป็นพนักงานประจำ”

ปัง

และปัง… เธอปิดประตูและจากไป