ฉันไม่ใช่นางเอก 49

บทที่ 49 โดนดุ

ทีมงานมุ่งหน้าไปที่สถานที่ถ่ายทำเป็นกลุ่มๆ โดยมีการจองห้องพักไว้ล่วงหน้าแล้ว พอไปถึงก็พักผ่อนเล็กน้อย ก่อนจะโดนผู้กำกับเร่งให้กลับไปทำงาน

เมื่อเผยอิงไปถึงโรงแรมก็โทรหาซ่งหนานชวน พูดคุยกันสั้นๆ ไม่ทันแม้จะได้เก็บของก็โดนผู้กำกับตามตัวไปที่สถานที่ถ่ายทำแล้ว

เมื่อการถ่ายทำเริ่มขึ้น จู่ๆ ทุกคน ก็พบว่า……..จักรพรรดิโม่นั้นพาภรรยามาด้วย!

จักรพรรดิโม่แต่งงานมาสองปีแล้ว แต่ก็ยังมีแฟนคลับสนใจเรื่องราวของพวกเขาอยู่ และมากกว่าครึ่งของทีมงานนั้นก็ยังเป็นแฟนคลับของเขาด้วย

อวี้ไค่เจ๋อมองไปที่โม่เจิ้นและภรรยาที่กำลังคุยกันอยู่ ก่อนเดาะลิ้นพูด “มิน่าล่ะตอนผู้กำกับถาม เขาถึงบอกว่าเขาไม่มีปัญหาอะไร พาภรรยามาด้วยแบบนี้ย่อมไม่มีปัญหาแน่ๆ”

นี่เป็นครั้งแรกของเผยอิงที่ได้เห็นภรรยาของโม่เจิ้นเลยมองไปทางพวกเขาอย่างสนใจ “ถ้าเธอจะมาด้วยก็ไม่แปลกหรอก ภรรยาเขาเคยเป็นผู้ช่วยมาก่อนนี่นา”

เนื่องจาก “ผู้ช่วย” คนนี้ได้แต่งงานกับจักรพรรดิโม่ ทั้งประเทศเลยลุกฮือด้วยกระแส “ผู้ช่วย” ไปด้วย

“อ๊ะ ดูเหมือนพวกเขากำลังถ่ายรูปกันอยู่นะ” เผยอิงสังเกตุการณ์อย่างสนอกสนใจในขณะโม่เจิ้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปภรรยาตนเอง

“ทำไมพวกเขาไม่ถ่ายด้วยกันล่ะ” เธอสงสัย

อวี้ไค่เจ๋อตอบ “ใครจะไปรู้ ว่าแต่ทำไมพวกเราไม่ถ่ายรูปด้วยกันบ้างล่ะ”

“ถ่ายรูปเรอะ? เตรียมตัวถ่ายทำเหอะ!” ผู้กำกับจ้าวส่งเสียงตวาดอวี้ไค่เจ๋อขณะที่เขาเดินผ่านไป

อวี้ไค่เจ๋อ “….”

ตะโกนใส่เขาแบบนี้จะมีประโยชน์ตรงไหน ถ้าใจกล้าพอ คุณก็ควรไปตวาดโม่เจิ้นเถอะ

ผู้กำกับจ้าวรอโม่เจิ้นถ่ายรูปภรรยาจนเสร็จก่อนเรียกทีมงานให้เริ่มถ่ายทำ วันนี้อากาศร้อนอบอ้าวมาก เผยอิงที่อยู่ข้างนอกทั้งวันจนรู้สึกเหมือนจะเป็นลมแดด พอได้เวลาพักคุณนายโม่ก็ส่งน้ำแร่เย็นจัดให้ทีมงานทุกคน

“ขอบคุณค่ะ” เผยอิงได้โอกาสเห็นหน้าเธอชัดๆ ก็ตอนที่เธอส่งน้ำให้นี่แหละ

ภรรยาโม่เจิ้นนั้นผมยาวสลวย มีรอยยิ้มอ่อนหวาน ดูน่ารัก เครื่องหน้างดงาม จนไม่น่าแปลกใจที่นิตยสารที่ไม่มีชื่อนั้นคอยตามตื้อเธอให้ไปเป็นนางแบบให้

อ้อ ไม่ใช่สิ ต้องเป็น ไม่น่าแปลกใจสักนิดที่แม้แต่จักรพรรดิโม่ยังยอมโดนผูกเชือกล่ามไว้

หลังจากไปแจกน้ำจนครบทุกคนแล้วคุณนายโม่ก็กลับไปข้างกายจักรพรรดิโม่ที่ทำหน้านิ่วเล็กๆ ก่อนพูดอะไรกับเธอ เธอทำแก้มป่องก่อนส่งน้ำให้เขาทั้งรอยยิ้ม โม่เจิ้นรับขวดน้ำมาก่อนลูบหัวเธอเบาๆ

…นี่มันท่าลูบหัวในตำนาน! เผยอิงถอนสายตากลับมา ฉากนี้สามารถทำให้ทุกคนรอบๆ ตาบอดได้เลย

เผยอิงจิบน้ำที่พึ่งได้รับมา ก่อนงัดโทรศัพท์ออกมาเช็คเว่ยป๋อ เพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลาย

ใครจะรู้ว่าจักรพรรดิโม่ทำให้เว่ยป๋อกลายเป็นนรกสุดแสนซาดิสไปเสียแล้ว

เวลา 9.33 น. จักรพรรดิบางคนที่ใช้แซ่โม่ โพสว่า

[โม่เจิ้น] (ทางการ)

วันนี้อากาศดี แถมทิวทัศน์ก็สวยงามมาก (รูป)

เขาลงรูปตัวเอง น่าจะเป็นหนึ่งในรูปที่ภรรยาเขาเป็นคนถ่ายให้ ในรูปนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ชาวเน็ตที่ติดตามทั้งเขาและภรรยาก็ค้นพบอะไรบางอย่าง

ณ เวลาเดียวกัน เวลา 9.33 น. ภรรยาของจักรพรรดิบางคนที่ใช้แซ่โม่ ก็โพสว่า

[ต้าหลี่ที่ไม่ต้าหลี่[1]] วันนี้อากาศดี แถมทิวทัศน์ก็สวยงามมาก (รูป)

โพสเวลาเดียวกัน เนื้อหาเหมือนกัน แม้แต่รูปยังถ่ายในสถานที่เดียวกัน มุมเดียวกัน ท่าเดียวกัน – สิ่งเดียวที่แตกต่างกันนั้นคือคนในรูปเท่านั้น!

เผยอิง “….”

เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมจักรพรรดิโม่ถึงไม่ได้ถ่ายรูปคู่ นี่มันซาดิสขั้นเทพชัดๆ

ซาดิสจนทุกคนต้องขายหน้ากับความด้อยกว่า…

เผยอิงเปิดอ่านความเห็นบทความจากแอคเคาท์เรื่องซุบซิบชื่อดังจับรูปทั้งคู่มาโพสด้วยกัน

“เรื่องทรมานหมา[2]เนี่ย ต้องยกให้จักรพรรดิโม่เลย”

“คู่รักซาดิส ติงเมิ่งกับท่านขุนนางเฉียวอี้เฉิน[3] กำลังแสดงความไม่พอใจอยู่”

“โดนยัดอาหารหมาเย็นชืดเข้าปากซะแล้ว (หัวเราะจนน้ำตาไหล)

“ฉันกินอาหารหมายี่ห้อโม่มาสองปี จนน้ำหนักขึ้นมาห้าสิบโลแล้ว :)”

“เว่ยป๋อมีชุดคู่รักตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย (บาย)”

“คนดังสมัยนี้เนี่ย……. ไม่ยอมทำงานทำการ แต่ยุ่งกับการทรมานหมาทั้งวัน (ยิ้ม)”

“เผยอิงจ๋า เผยเผย ซีอีโอซ่งของเธออยู่ไหน อย่ายอมแพ้เขานะ!!”

เผยอิง “….”

หลังจากที่สื่อต่างๆ ค้นพบว่าจักรพรรดิโม่กับภรรยาไปถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยกัน ก็มีนักข่าวยกขบวนกันมาห้อมล้อมสถานที่ถ่ายทำทุกวัน หวังว่าจะได้ข่าวทรมานจิตใจแฟนคลับกลับไปบ้าง

ชาวเน็ตที่ชื่นชมการกระทำอันกล้าหาญนี้ตั้งชื่อเล่นให้นักข่าวพวกนี้ว่า “นักข่าวสงคราม”

หลังจากรายงานข่าวเกี่ยวกับจักรพรรดิโม่มาหลายวัน นักข่าวบางคนก็เบนเข็มมาสร้างข่าวใหญ่แทน

“การร่วมงานกันครั้งที่สองของเผยอิงและอวี้ไค่เจ๋อ! ทำไมคุณชายอวี้ถึงคอยดูแลเป็นพิเศษกันแน่”

บทความนี้ยกให้เผยอิงกับอวี้ไค่เจ๋อเป็นตัวเอกแทนคุณและคุณนายโม่ โดยระบุว่าเป็นการการร่วมงานกันครั้งที่สองของทั้งคู่ ประกอบกับการที่อวี้ไค่เจ๋อดูแลเอาใจใส่เผยอิงเป็นพิเศษ คอยหยิบอาหารกลางวันและน้ำ นี่แสดงว่าเขามีความรู้สึกดีๆ ให้เธออยู่

ท้ายบทความนั้นมีรูปสองสามรูปที่เขาไปรับน้ำกับอาหารให้เธอ

ท่ามกลางข่าวทรมานหมาโสดของคู่รักโม่ บทความนี้ก็เป็นที่สนใจของชาวเน็ต

“เผยเผยของฉันโดนเล่นงานอีกแล้ว น่าหงุดหงิดชะมัด :)”

“แค่ไปหยิบอาหารกล่องให้เฉยๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ไปได้ นักข่าวคนนี้ต้องเหงาและว่างสุดๆ ไปเลย (ยิ้ม)”

“กอดไว้แน่นๆ นะ คุณชายโม่ ต้องใช้เวลานอกบ้านให้คุ้มค่าที่สุด (ชั่วร้าย)”

“นี่ซีอีโอซ่งยังไม่ได้ออนเว่ยป๋อใช่ไหม อย่าลืมว่าเขาฟ้องบริษัทสื่อไปหนหนึ่งแล้ว พวกนายกำลังเล่นกับไฟอยู่นะ (ยิ้ม)”

“พอได้แล้ว ความรู้สึกอะไรกัน เจ๋อเจ๋อของฉันไม่เคยคบกับเผยอิงมาก่อนนะ พวกนายแน่ใจเหรอว่าเผยอิงน่ะไม่ใช่คนเริ่มก่อนน่ะ”

“อีโก้ใหญ่จังนะเธออ่ะ ที่กล้าบอกว่าเผยของฉันเป็นคนเริ่มน่ะ ฉันแน่ใจว่าเผยของฉันน่ะเป็นนางเอกในเรื่องนักแสดงนะ ส่วนเจ๋อของเธอน่ะเป็นแค่ตัวประกอบ (แคะขี้มูก)”

“เอาล่ะพวกเรา ไปกันเถอะ ผลสรุปเรียบร้อยแล้ว; นักข่าวคนเนี้ยอ่ะ โง่สุดๆ”

พอซ่งหนานชวนที่กำลังรู้สึกแย่เพราะเผยอิงต้องออกไปถ่ายทำนอกสถานที่นั้น เห็นข่าวนี้ก็หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

เขาคว้าโทรศัพท์จากบนโต๊ะขึ้นมาโทรหาเผยอิง แต่เผยอิงยังถ่ายหนังอยู่ ผู้ช่วยเลยเป็นคนรับแทน พอเธอเห็น “ไอ้เลวซ่ง” บนหน้าจอก็อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนรับสายด้วยน้ำเสียงให้เกียรติ “ซีอีโอซ่งคะ สวัสดีค่ะ”

เมื่อซ่งหนานชวนได้ยินเสียงที่ไม่ใช่เสียงเผยอิงก็สะดุ้งไปเล็กน้อย ก่อนถาม “เผยซิวจ้วนไปไหนล่ะ”

ผู้ช่วยตอบ “คุณเผยยังถ่ายทำอยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าสะดวกฉันจะส่งต่อข้อความให้คุณค่ะ”

ซ่งหนานชวนนิ่วหน้าพูด “เมื่อไหร่เธอจะถ่ายเสร็จล่ะ”

ผู้ช่วยตอบ “ฉันเองก็ไม่แน่ใจค่ะ นั่นขึ้นอยู่กับผู้กำกับ”

ซ่งหนานชวน “….”

เขาแน่ใจอย่างหนึ่งว่า เขาจะไม่ลงทุนกับโครงการของผู้กำกับจ้าวอีกแน่ๆ! และยังจะห้ามไม่ให้คนอื่นลงทุนด้วย!

เขาวางสาย ก่อนนั่งหน้าบูดอยู่ในห้องทำงาน

ดูเหมือนผู้กำกับจ้าวจะรับรู้ได้ถึงความแค้นของเขา เพราะหลังจากถ่ายฉากนี้เสร็จเขาก็ปล่อยให้ทุกคนไปพักตั้งสิบนาที เผยอิงกลับมาที่พักผ่อน ก่อนผู้ช่วยจะส่งมือถือให้ “ซีอีโอซ่งพึ่งโทรเข้ามาค่ะ ฟังดูเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

เผยอิงสะดุ้งเล็กๆ พยักหน้าก่อนรับโทรศัพท์มาพลางพูด “จ้ะ เข้าใจแล้ว”

ขณะที่ผู้ช่วยสาวมองเผยอิงเดินหลบไปข้างๆ ก็อดคิดไม่ได้ “ไอ้เลวซ่งกับเผยซิวจ้วน…” เธอเคยคิดว่าเรื่องราวความรักของพวกเขาน่ะเป็นเหมือนนิยายรักแนวซีอีโอพวกนั้น ไม่เคยคิดเลยว่าที่แท้จะเป็นนิยายรักบ้านนอกแบบนี้[4]

เผยอิงเดินออกไปหาที่เงียบๆ เพื่อโทรหาซ่งหนานชวน แค่กริ๊งเดียวอีกฝ่ายก็รับแล้ว “เผยซิวจ้วน ระหว่างเธอกับอวี้ไค่เจ๋อน่ะเกิดอะไรขึ้น”

เผยอิงถามแบบงงๆ “คุณหมายถึงอะไรน่ะ”

“ไม่เห็นข่าวเหรอไง ในเว่ยป๋อน่ะเต็มไปหมด!”

เผยอิงถ่ายทำตลอดทั้งเช้า ไม่มีเวลาเช็คเว่ยป๋อสักนิด เลยได้แต่ถาม “คราวนี้พวกเขาเขียนอะไรอีกเหรอคะ”

“พวกเขาบอกว่า อวึ้ไค่เจ๋อน่ะ ยังมีความรู้สึกให้เธออยู่ ดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี คอยส่งข้าวส่งน้ำให้เธอตลอด”

พอได้ยินเผยอิงก็เงียบไปครู่หนึ่ง นักเขียนพวกนี้โดนสูบความคิดสร้างสรรค์ไปหมดแล้วเหรอไง เรื่องแค่นี้ก็เขียนออกมาได้”

ทำไมพวกเขาไม่เขียนเรื่องจักรพรรดิโม่ที่ขยันโปรยอาหารหมาแบบสุดๆ บ้างล่ะ

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนอธิบายกับซ่งหนานชวน “เขาก็หยิบข้าวหยิบน้ำมาให้ฉันพร้อมกับของเขาเองนั่นแหละ ไม่ต้องใช้แรงอะไรเพิ่มเลยสักนิด”

“ไม่ต้องใช้แรงอะไรกัน ไม่กลัวเลยเหรอว่าเขาจะวางยาในน้ำเธอน่ะ”

“….” เผยอิงเงียบไปอีกครู่หนึ่งก่อนพูด “เอาล่ะ คราวหน้าฉันจะไม่รับของที่เอามามาให้ล่ะกัน” ‘

“นอกจากไม่รับแล้ว เธอต้องด่าเขาเรื่องนี้ด้วย”

“…ตกลง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

เมื่อซ่งหนานชวนได้ยินคำตอบอย่างเชื่อฟังจากเผยอิง ก็สงบลง “เมื่อไหร่เธอจะกลับบ้านสักที่ นี่มันห้าวันแล้วนะ”

“อืมมม์… พวกเราคงจะอยู่ที่นี่อีกหลายวันค่ะ”

“ตกลงมันกี่วันกันแน่ เธอบอกว่าจะไปแค่อาทิตย์เดียวไม่ใช่เหรอ เลื่อนอีกแล้ว?”

“เฮ้อ ที่จริงฉันไม่ใช่คนตัดสินใจเรื่องนี้นะคะ มันขึ้นอยู่กับกระบวนการการถ่ายทำว่าเร็วแค่ไหนน่ะค่ะ”

“หรือเป็นเพราะว่าอวี้ไค่เจ๋อเป็นตัวถ่วงทุกคนอยู่กันแน่ แทนที่จะตั้งใจถ่ายทำดีๆ กลับมาคอยส่งข้าวส่งน้ำให้คนอื่น ถ้าเขาชอบอาหารกล่องขนาดนี้ น่าจะเปลี่ยนอาชีพไปขายอาหารกล่องซะ!”

เผยอิง “….”

ฟังดูแล้ว ซีอีโอซ่งน่ะโมโหมากเลยล่ะ

“ทั้งหมดนี้ น่าจะใช้เวลาไม่เกินสิบวัน ก็น่าจะกลับได้แล้วค่ะ”

ซ่งหนานชวนหน้านิ่วต่อ “งั้นฉันต้องทนแบบนี้ไปอีกห้าวันเหรอ”

“อืมม์…”

เผยอิงที่มียังมีเรื่องจะพูดต่อ แต่ผู้ช่วยเธอเรียกเสียแล้ว “เผยเผย ผู้กำกับกำลังเรียกคุณอยู่น่ะค่ะ.

เผยอิงพยักหน้าให้เธอว่าได้ยินแล้ว ก่อนรีบจบการสนทนากับซ่งหนานชวน “ผู้กำกับเรียกฉันแล้วค่ะ ต้องไปแล้วนะคะ ไว้ฉันจะโทรหานะคะ”

ก่อนวางสายไป ซ่งหนานชวนที่ได้ยินสายถูกตัดไปก็หน้าบึ้งกว่าเดิม

หึ เผยซิวจ้วน ตอนนี้เธอกล้าวางสายใส่ฉันแล้วเหรอ

เขาโยนมือถือทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนใช้สายภายในกดหาเซียวจาง “ยกเลิกการประชุมทั้งหมดของวันนี้ ฉันจะไปเมือง H”

เซียวจาง “…ครับ ซีอีโอซ่ง”

เมือง H คือสถานที่ถ่ายทำปัจจุบันของเหล่าทีมงานของเรื่อง ‘นักแสดง’    พอซ่งหนานชวนมาถึงสถานที่ถ่ายทำนั้นก็พบว่า ทางเข้านั้นมีแต่รถจำนวนหลายแถวห้อมล้อมอยู่ จนหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องออกมากันประตูไว้เพื่อรักษาความสงบ

“ดูเหมือนจะมีทั้งนักข่าวและแฟนคลับเลยครับ” เซียวจางอธิบายหลังจากเหลือบตามองภายนอกหน้าต่าง

ซ่งหนานชวนไม่สนใจ แค่ต้องการให้รถตัวเองเข้าไปข้างในได้เร็วที่สุด “ตรงเข้าไปข้างในเลย บอกรปภ.ให้เปิดประตูด้วย”

“ครับ”

รภป. นั้นย่อมไม่กล้าหือกับผู้ลงทุนหลักของยูนิเวิร์สอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อรถสุดหรูของเขาแล่นผ่านเข้าไปข้างใน เหล่านักข่าวและแฟนคลับย่อมรู้ว่า ต้องเป็นคนใหญ่โตสักคนแน่ๆ

และเมื่อรถผ่านเข้าไปข้างในแล้ว นักข่าวคนหนึ่งก็ร้องออกมาว่า “อ๊ะ ฉันนึกออกแล้ว นั่นมันรถซ่งหนานชวนนี่”

นักข่าวอีกคนพ่น “เขามาเยี่ยมเผยอิงงั้นเหรอ ทำไมไม่พูดเร็วกว่านี้ล่ะ ฉันไม่ได้ถ่ายเลยสักรูป”

“ฮ่าๆๆๆๆ ฉันถ่ายได้รูปหนึ่ง~”

“….”

หลังจากผ่านหน่วยรักษาความปลอดภัยมาแล้ว หนทางก็ราบเรียบขึ้นมาก คนขับหาที่จอดรถ และซ่งหนานชวนก็เปิดประตู ก้าวลงมา

เขาเห็นกลุ่มคนมากมายข้างหน้า และก็กล้องที่กำลังห้อมล้อมพวกเขาอยู่ เผยอิงกับโม่เจิ้นยืนอยู่ตรงกลาง กำลังโต้ตอบบทสนทนากันอยู่

เซียวจางที่ตัวสั่นระริกเดินตามหลังซ่งหนานชวนไป ดูท่าทางแล้ว ซ่งหนานชวนพกความโกรธมาเต็มพิกัด เตรียมพร้อมลงโทษใครสักนิด ถ้าเขาทะเลาะกับเผยอิงต่อหน้าคนมากมายตรงนี้ ต้องได้ลงพาดหัวหน้าหนึ่งอีกแน่

เมื่อซ่งหนานชวนเข้าไปใกล้กว่าเดิม ก็ได้ยินผู้กำกับพูดกับเผยอิงว่า “เผยอิง เกิดอะไรขึ้นน่ะ บทง่ายๆแบบนี้ เธอยังพลาดได้อีก สองสามวันก่อนฉันชมเธอนิดหน่อย จนเธอเหลิงไปหมดแล้วเหรอไง เธอต้องขอบคุณที่อาจารย์ซิงซินน่ะยุ่งกับงานแต่งจนมาดูไม่ได้นะ ถ้าเขาเห็นการแสดงห่วยๆแบบนี้ของเธอ ต้องโมโหจนปลดเธอออกจากหนังแน่ๆ”

เผยอิง “….”

ผู้กำกับอาละวาดแบบนี้เป็นหนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน จนทุกคนชินเสียแล้ว โม่เจิ้นตบไหล่เผยอิงเพื่อบอกว่าอย่าเก็บมาใส่ใจ

เผยอิงเองก็ไม่คิดอะไร แต่ซ่งหนานชวนผู้ที่พึ่งมาถึงคงไม่คิดแบบนั้น

ผู้กำกับจ้าวคนนี้โมโหร้ายจริงๆ เขาเคยได้ยินเผยอิงพูดถึงบ้าง แต่ที่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกับตา เขาโมโหจนเหมือนไฟจะลุกไหม้ไปทั้งตัว

เขาไม่กล้าด่าผู้หญิงของตัวเองสักคำด้วยซ้ำ แต่คนนอกกลับดุด่าเธอแบบนี้?

ซ่งหนานชวนเดินไปทางนั้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง เผยอิงที่เห็นเขา ก็ชะงัก “ชวนชวนคะ คุณมาทำอะไรที่นี่”

ซ่งหนานชวนไม่ตอบเธอ แต่จับจ้องไปที่ผู้กำกับ “ผู้กำกับจ้าว คุณสามารถบอกได้ว่าการแสดงของเผยอิงน่ะขาดตตกบกพร่องไปตรงไหน แต่คุณจะด่าเธอเหมือนผมตายไปแล้วแบบนี้น่ะเหรอ”

เผยอิงที่เห็นซ่งหนานชวนจะเปิดศึกกับผู้กำกับทันทีที่มาถึงก็รีบเข้าไปดึงชายเสื้อเขา กระซิบ “วันนี้ผู้กำกับแค่อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย ปล่อยเขาตะโกนไปเถอะค่ะ”

ซ่งหนานชวนเย้ย “อารมณ์ไม่ดี? แค่อารมณ์ไม่ดีก็ตะโกนใส่ใครก็ได้ตามใจได้งั้นเหรอ ไปตะโกนใส่คนที่ทำให้ตัวเองอารมณ์ไม่ดีสิ จะมาโมโหใส่เผยอิงทำไมล่ะ”

ทีมงานทั้งทีมเงียบกริบ ผู้กำกับกับซ่งหนานชวนยืนประจันหน้ากัน ผู้กำกับจู่ๆ ก็ตะโกนออกมา “พักครึ่งชั่วโมง”

เขาหันหลังและเดินออกไปแบบไม่หันมาอีกเลย ผู้ช่วยผู้กำกับรีบวิ่งตามไป ก่อนที่ทีมงานจะเริ่มกระซิบกระซาบกันเอง

เผยอิงพาซ่งหนานชวนมาตรงมุมพักผ่อนก่อนถาม “ทำไมจู่ๆถึงโผล่มานี่ได้คะ”

ซ่งหนานชวนตอบ “ในเมื่อเธอไม่ยอมกลับบ้าน ฉันเลยมาหาเธอไง”

“….” เผยอิงสำลักก่อนพูด “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมกลับนะคะ คุณก็เห็นนี่ เวลาผู้กำกับเป็นแบบนี้ การถ่ายทำก็ไม่ไปถึงไหนสักที”

ซ่งหนานชวนนิ่วหน้าเมื่อได้ยินชื่อผู้กำกับจ้าว “เขาเป็นอะไรน่ะ กินยาผิดมาเหรอไง”

เผยอิงยักไหล่ “ไม่รู้สิคะ เขาแป็นแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว สงสัยหุ้นที่ซื้อไว้จะตกอีกมั้ง”

ซ่งหนานชวน “….”

เซียวจางที่มองคู่รักที่เถียงกันอย่างมีความสุขแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก ซีอีโอซ่งดูเหมือนจะลืมจุดประสงค์ในการมาที่นี่ไปแล้ว

สำหรับซีอีโอซ่งแล้ว เผยอิงนั้นเป็นเสมือนแตงโมแช่เย็นในฤดูร้อนอันแผดเผา

สิบนาทีผ่านไป ผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับก็กลับมา ผู้กำกับเดินตรงมาทางจุดพักผ่อนของเผยอิง พูดอย่างเหนื่อยๆ “ผมขอโทษนะ ภรรยาผมจู่ๆก็บอกว่าจะขอหย่า ก็เลย…..”

เมื่อเผยอิงได้ยินเรื่องซุบซิบแบบนี้โดยไม่ตั้งใจ สมองก็ว่างเปล่าทันที คิ้วซ่งหนานชวนขมวดเข้าหากัน เงยหน้าไปมองผู้กำกับ “การไม่กลับบ้านนานๆ แบบนี้ย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์อยู่แล้ว”

ผู้กำกับงัดบุหรี่ออกมา ตั้งท่าจะสูบ แต่ซ่งหนานชวนคว้ามันออกจากมือเขา “เผยอิงไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ อย่าสูบบุหรี่ตรงนี้สิครับ”

ผู้กำกับ “….”

พระเจ้า ตอนนี้ภรรยาอยากจะหย่ากับเขา แต่ตัวเขาเองกลับโดนห้อมล้อมด้วยคู่รักหวานแหววแบบนี้ มีผู้กำกับคนไหนจะซวยไปกว่านี้ไหมเนี่ย

ซ่งหนานชวนที่แย่งบุหรี่ไป ส่งอมยิ้มที่หยิบมาจากเซียวจางให้ “กินนี่สิครับ ดีต่อสุขภาพมากกว่า แถมอร่อยด้วย”

ผู้กำกับ “….”

เขารับอมยิ้มรสแตงโมมาใส่ปาก ซ่งหนานชวนตบหลังเขาเอ่ย “กระบวนการหย่าน่ะไม่ได้ทำได้ทันทีทันควันหรอก รีบๆ ถ่ายทำให้เสร็จ ปล่อยทีมงานไปหยุดพักผ่อน แล้วกลับบ้านไปง้อภรรยาคุณซะ”

ผู้กำกับดูดอมยิ้มอยู่พักนึง ก่อนพยักหน้า ริมฝีปากซ่งหนานชวนโค้งขึ้น “เอาล่ะ เรื่องก็จบแล้ว วันนี้ทุกคนทำงานหนักกันมาก คืนนี้ผมจะเลี้ยงข้าวทีมงานเอง!”

 

[1] ต้าตัวแรกแปลว่าใหญ่ หลี่นั้นเป็นแซ่ ส่วนต้าหลี่ตัวที่สองนั้นแปลว่ากระตือรือร้น เป็นคำพ้องเสียงค่ะ สรุปได้ว่าหลี่ตัวโตที่ไม่มีแรงนั่นเอง

[2] หมาในที่นี้หมายถึงคนโสดค่ะ เรื่องทรมานหมานี่แปลว่าหวานออกสื่อจนคนโสดต้องอิจฉา

[3] ติงเมิ่งกับเฉียวอี้เฉินมาจากเรื่องสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักค่ะ คู่นี้ก็หวานออกสื่อกันตลอดเหมือนกัน

[4] นิยายรักแนวซีอีโอ สไตล์หนุ่มเย็นชา บ้าอำนาจ เอาเงินฟาดหัวอะไรพวกนี้ค่ะ ส่วนที่ว่าชาวบ้าน เพราะโกว่ตัน แปลตรงตัวว่าไข่หมา เป็นชื่อเชยๆ ที่แถบชนบทนิยมตั้งค่ะ เพราะเหมือนเป็นธรรมเนียมว่า ตั้งชื่อเชยๆ ประหลาดๆ แล้วจะทำให้เด็กเลี้ยงง่าย เหมือนชื่อ ไอ้ไข่นุ้ย ของไทย นอกจากนี้ยังเป็นชื่อเล่นที่คนรักชอบเรียกกัน เหมือนที่เรียกแฟนว่า อิอ้วน อิดำ อิหมี ประมาณนั้นค่ะ ส่วนเผยซิวจ้วน ก็เป็นชื่อเชยๆ เหมือนกัน ถ้าเทียบกับไทยน่าจะคล้ายๆกับ สมหญิง อะไรประมาณนี้ค่ะ

ฉันไม่ใช่นางเอก 48

บทที่ 48 คุณสามี

บทที่ 48 คุณสามี

เช้ามืดวันถัดมา ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น เสียงนาฬิกาของเผยอิงดังขึ้นปลุก เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงล้างหน้า ซ่งหนานชวนนิ่วหน้ามองเธอที่กำลังรีบ คิดว่าคงต้องคุยกับทีมงานถ่ายทำเสียที

เผยอิงไม่มีเวลากินข้าวด้วยซ้ำ คว้าขนมปังไปหนึ่งชิ้นตรงเข้ารถผู้ช่วยไป งีบไปในรถอีกครู่หนึ่ง ทารองพื้น และก็ถึงสถานที่ถ่ายทำ

ท้องฟ้ามีเพียงแสงระเรื่อน้อยๆ แต่ทีมงานนั้นก็ยุ่งกับการเตรียมการเสียแล้ว หลังจากเผยอิงแต่งหน้าเสร็จ ก็หยิบบทมาอ่านทวนอีกรอบ วันนี้เธอต้องถ่ายกับโม่เจิ้นหลายฉาก แต่เธอไม่อยากโดนด่าเละแบบวันก่อนอีกแล้ว

เผยอิงจำบทได้จนขึ้นใจแล้ว แต่กลัวว่าเวลาแสดงกับโม่เจิ้นนั้นเธอจะโดนกลบอีก พอโม่เจิ้นมาถึง เธอก็ทำหน้าหนาขอให้เขามาซ้อมบทกับเธอ ซึ่งเขาก็ไม่หยิ่งสักนิดตอบตกลงอย่างง่ายดาย

การซ้อมนั้นเป็นไปด้วยดี โม่เจิ้นยังให้คำแนะนำเล็กๆน้อยๆ เธอด้วย หลังจากคุยกับโม่เจิ้นจบ เธอก็ดึงสมุดเล่มเล็กที่พกติดตัวเสมอออกมาจดข้อเสนอแนะของเขาลงไป

โม่เจิ้นเหลือบมองสมุดของเธอ “เธอพกอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ”

“ใช่ค่ะ” เผยอิงยิ้มเขิน “ถ้าจดไว้ จะเอาออกมาอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ เหมือนคำพูดที่ว่า ความจำดีแค่ไหนก็สู้ลายมือห่วยๆ ไม่ได้”

โม่เจิ้นพยักหน้านิดๆ กับความเห็นของเธอ หลังจากซ้อมบทกันอีกครั้ง ผู้กำกับก็เรียกพวกเขาไปถ่ายทำ

ฉากวันนี้อยู่ที่ออฟฟิศของผู้จัดการจ้าวเสวี่ยซึ่งเป็นฉากในร่ม อู๋หยางที่เริ่มสนใจหรืออาจสงสัย จ้าวเยวี่ย นั้นพารุ่นน้องมาหาเธอด้วย

ต่อให้มาที่บริษัทไฮโซแบบนี้ อู๋หยางยังมาด้วยสภาพที่สวมรองเท้าแตะ แถมด้วยหัวยุ่งๆ เหมือนพึ่งลุกจากที่นอนแต่สายตานั้นทำให้จ้าวเสวี่ยต้องระมัดระวังตัว

“อ่ะ ใครจะเดาได้ว่าผมจะได้เจอดาราคนดังแบบนี้บ้าง” ริมฝีปากบางสุดเซ็กซี่ของอู๋หยางยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้จ้าวเสวี่ยคิดถึงแมวแก่จอมขี้เกียจที่อาศัยอยู่บริเวณตึก เขาก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ ผมม้าสีดำสนิทยาวปรกขนตา “ตัวจริงคุณจ้าวดูดีกว่าในจอทีวีเสียอีก”

ริมฝีปากจ้าวเยวี่ยกระตุกเล็กน้อย เหมือนกำลังจะยิ้ม “เจ้าหน้าที่กู้มาพบฉันมีเรื่องอะไรคะ”

เธอถามกู้ซือป๋อ แต่อู๋หยางไม่ปล่อยให้เขาตอบ เอ่ยขึ้นทันที “ผมได้ยินว่าคุณจ้าวทุ่มเททำงานเพื่องานมาก ตอนที่แสดงเป็นพนักงานในโรงงาน คุณถึงกับไปทำงานโรงงานอยู่ครึ่งเดือน” เขาปัดผมออกจากใบหน้า ก่อนสายตาที่ไม่มีอะไรปิดบังจะเลื่อนมามองจ้าวเยวี่ย  “สำหรับบทฆาตกรใน ‘ไล่ตามสายลม’ คุณจะออกไปฆ่าใครสักคนหรือเปล่า”

สายตาจ้าวเยวี่ยต่ำลงเล็กน้อย เหมือนว่าคำถามนั้นน่าขันมาก “คุณคิดว่าเป็นไปได้เหรอคะ”

อู๋หยางหัวเราะ “นั่นคงจะจริงจังเกินไป”

ภายนอกห้องทำงาน ผู้จัดการของจ้าวเยวี่ยเคาะประตู จ้าวเยวี่ยมองประตูก่อนลุกขึ้น ขอตัว “ขอโทษนะคะ แต่ฉันยังมีงานต้องทำ”

ขณะที่เธอเดินออกไปพร้อมส้นสูง ผู้กำกับก็สั่งคัท “เผยอิง วันนี้การแสดงของเธอดีกว่าเมื่อวานเยอะ ไม่กลัวเวลาต้องแสดงกับโม่เจิ้นอีกแล้ว แต่อวี้ไค่เจ๋อนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนท่อนไม้ นายคิดว่าตัวเองเป็นมาสคอตเหรอไง”

อวี้ไค่เจ๋อ “….”

“ฉากนี้ผมไม่มีบทนี่ครับ” เขาปกป้องตัวเอง ผู้กำกับยิ้มเหยียดๆ “ต่อให้นายไม่มีบท ก็สามารถแสดงสีหน้าแทนคำพูดได้นี่ นี่เป็นอะไรที่ฉันต้องสอนนายด้วยเหรอไง นายนั่งอยู่ตรงนี้เหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ที่นั่งแหมะอยู่ระหว่างหงส์สองตัว”

อวี้ไค่เจ๋อ “….”

ผู้กำกับจ้าวไปเรียนวิธีการด่าคนมาจากเฉียวอี้เฉินเหรอเนี่ย เขาเก่งจริงๆ

“ถ่ายกันอีกรอบ”

เผยอิง “….”

การที่เธอคิดว่าตราบใดที่เธอแสดงดีพอ การถ่ายทำคงจะเป็นไปอย่างราบรื่น นั้นเป็นความคิดที่ใสซื่อเกินไปจริงๆ

การถ่ายทำดำเนินต่อไปถึงกลางดึกอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยินผู้กำกับสั่งคัท อวี้ไค่เจ๋อก็ทรุดตัวลงนั่งแผ่กับเก้าอี้ทันที “ต้องขอบคุณที่วันมะรืนที่จะได้หยุดพัก ผู้กำกับจ้าวช่างรู้วิธีทรมานคนจริงๆ”

ผู้กำกับที่กำลังเก็บของอยู่ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น มองอวี้ไค่เจ๋อก่อนหัวเราะ “ฉันโหดกว่าที่นายคิดเยอะ วันมะรืนที่จะพักน่ะถูกยกเลิกแล้ว”

พอเขาพูดจบ ทั้งทีมก็ชะงักไปทันที ผู้กำกับจ้าวกระแอม ก่อนถือโอกาสประกาศ “วันมะรืนพวกเราจะไปถ่ายทำนอกสถานที่กัน เนื่องจากพึ่งได้รับอนุญาตเลยหยุดพักไม่ได้แล้ว ทุกคนทนต่ออีกนิดนะ เหอๆ
“พวกเราถ่ายต่อเนื่องมาครึ่งเดือนแล้วนะ จะให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้ยังไง”

ผู้กำกับจ้าวเหลือบมองอวี้ไค่เจ๋อที่โกรธจัด “ถ้าการแสดงของนายดีกว่านี้ พวกเราคงจะได้พักเร็วกว่านี้”

อวี้ไค่เจ๋อ “….”

หลังจากที่รู้ว่าวันหยุดนั้นโดนยกเลิก เผยอิงก็นิ่งคิดเล็กๆ เพราะเธอตกลงจะไปเมือง C กับซ่งหนานชวนแล้ว

“ผมขอตัวก่อนนะครับ ทุกคนทำได้ดีมาก” โม่เจิ้นสวมแว่นกันแดด ก่อนตรงไปที่รถเบนท์ลีย์ พอเดินผ่าน ผู้กำกับก็ถามอย่างสุภาพว่า “จักรพรรดิโม่ ทุกอย่างโอเคใช่ไหมครับ”

“ผมโอเคครับ” โม่เจิ้นตอบทั้งแบบนั้น โดยไม่หันหัวกลับมา ก่อนขึ้นรถไป

ผู้กำกับตะโกนบอกทีมงาน “เมีอกี้ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหม เรียนรู้จากจักรพรรดิโม่ซะ ดูความทุ่มเทของเขาสิ”

ถึงจะโมโหแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าแย้ง ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานให้เสร็จ อวี้ไค่เจ๋อบ่นอย่างโมโหหลายประโยคก่อนจากไป และผู้ช่วยเผยอิงก็ช่วยพาเธอไปที่รถ

เธอหลับระหว่างทางกลับ ก่อนที่ผู้ช่วยจะปลุกเธอ “คุณเผยคะ พวกเรามาถึงแล้วค่ะ”

เผยอิงลืมตาขึ้น พยักหน้า “อ้อ โอเค”

พอเธอเข้าไปในบ้านนั้น ซ่งหนานชวนนั้นก็ยังตื่นอยู่เหมือนเคย เขาสวมชุดนอน เอนหลังพิงหัวเตียง พอเห็นเธอเดินเข้ามาก็พูดขึ้นว่า “ช้ากว่าเมื่อคืนตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ ทีมงานของเธอเป็นอะไรน่ะ”

“อ้อ… การถ่ายทำไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่น่ะค่ะ พวกเราเลยต้องอยู่นานหน่อย”

คิ้วซ่งหนานชวนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “ผู้กำกับจ้าวดุเธออีกแล้วเหรอ”

“ไม่ค่ะ วันนี้เป็นอวี่ไค่เจ๋อ”

ซ่งหนานชวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนเสนออย่างจริงใจ “เวลามีนักแสดงที่เป็นตัวถ่วงทีมงานแบบนี้ ควรจะปลดเขาออกซะ”

“…ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เผยอิงอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง

ซ่งหนานชวนมองเธอแบบรู้ว่าคืนนี้เขาไม่ควรทำอะไร ที่จริงเขาอดกังวลนิดๆ ว่า การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งใช้เวลาถึงสองสามเดือน นี่หมายความว่าเขาจะอดแตะต้องเธอไปสามเดือนเต็มๆ เลยนะ

…เขาไม่อยากคิดถึงมันด้วยซ้ำ

ขณะที่เขาจะค่อยๆตะล่อมเอาคำตอบจากเผยอิงนั้นเองก็ได้ยินเสียงง่วงๆจากข้างกาย “อื้อใช่ ผู้กำกับบอกว่าวันมะรืนที่จะหยุดน่ะโดนยกเลิกแล้วนะคะ พวกเราต้องไปถ่ายทำนอกสถานที่”

ซ่งหนานชวนชะงักไปชั่วครู่ก่อนนิ่วหน้า “ทำไมล่ะ พวกเธอจะหยุดแล้วไปถ่ายทำที่หลังไม่ได้เหรอไง”

เผยอิงเงยหน้ามองเขา “อ้อ ที่นั่นคิวแน่นมาก ต้องจองเวลาสำหรับการถ่ายทำ พอดีได้คิวเลยหยุดพักไม่ได้น่ะค่ะ”

ซ่งหนานชวนก็ยังนิ่วหน้าอยู่ดี “แล้วเธอจะไปเจอพ่อแม่ฉันเมื่อไหร่”

“วันหยุดครั้งหน้ามั้ง ฉันขอโทษนะคะชวนชวน” เผยอิงขอโทษอย่างน่าสงสาร ก่อนจะถามอย่างกระวนกระวาย “คุณบอกพ่อแม่คุณแล้วเหรอคะว่าพวกเราจะไปเยี่ยมน่ะ”

“ยัง”

“งั้นก็ดีค่ะ”

“ดีตรงไหนล่ะ” ซ่งหนานชวนถามอย่างหงุดหงิด “เธอไม่ได้พัก แถมยังต้องไปถ่ายทำไกลๆ อีก” นี่มันหมายความเขาจะโดนลิดรอนแม้แต่สิทธิ์จะนอนข้างๆ เธอตอนกลางคืนเลยนะ

เผยอิงโอบ ก่อนพิงศีรษะตัวเองไว้บนตัวเขา “ชวนชวน อย่าโมโหไปเลย ฉันเองก็อยากพักนะ ทุกคนอยากพักทั้งนั้นแหละ แต่พวกเราจะทำยังไงได้ มีแต่ต้องถ่ายทำให้เสร็จก่อนถึงจะพักได้”

ถึงซ่งหนานชวนจะหงุดหงิดแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่ทำตัวซึมกะทือ “งานอื่นๆ เธอก็ไม่เห็นยุ่งขนาดนี้นี่”

“เรื่องนี้มันแตกต่างนี่คะ ผู้กำกับน่ะเนี๊ยบมากเลย”

ซ่งหนานชวนนิ่วหน้าถาม “ครั้งนี้เธอจะไปนานแค่ไหน”

“น่าจะประมาณอาทิตย์นึงละมั้ง”

“นานขนาดนั้นเลยเหรอ”

“มันก็ไม่ได้นานขนาดนั้นสักหน่อย” ก่อนเผยอิงจะพูดจบ สีหน้าซ่งหนานชวนก็แทบจะทิ่มแทงเธอได้ เลยรีบแก้ “ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี สองสามวันก็น่าจะได้กลับมาแล้วค่ะ”

ซ่งหนานชวนเย้ย “มีอวี่ไค่เจ๋อไปด้วยแบบนี้ แน่นอนว่ามันต้องไม่ราบรื่นแน่ๆ”
เผยอิง “….”

เธอพยายามปลอบซ่งหนานชวนให้สดชื่นขึ้น และก็ผลอยหลับไป ซ่งหนานชวนมองเผยอิงที่คุยจนตัวเองหลับ ก่อนถอนหายใจอย่างไร้ทางเลือก จัดท่านอนให้ ก่อนดึงผ้าห่มคลุม จูบเธอตรงริมฝีปาก ก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆ

ตอนนี้ทุกวันเผยอิงต้องออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ กลับถึงบ้านดึกดื่นทุกวัน ถ้าเขาไม่รอเธอกลับ ก็คงไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันเลย

…นี่คือความผิดของผู้กำกับจ้าวชัดๆ! แม้แต่นักธุรกิจอย่างเขายังไม่ขูดรีดพนักงานแบบนี้เลย

เขาตัดสินใจว่าจะไม่ลงทุนในโครงการใดๆ ของผู้กำกับจ้าวอีกต่อไป

วันถัดมาเผยอิงก็รีบไปที่สถานที่ถ่ายทำแต่เช้าเหมือนเดิม ผู้กำกับจ้าวตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ต้องไปถ่ายทำข้างนอก จึงเลิกเร็วกว่าปกติเพื่อให้ทุกคนกลับบ้านไปเก็บของ

เผยอิงโทรหาซ่งหนานชวน ทั้งคู่ออกไปกินข้าวเย็นด้วยกัน พอกลับบ้านเผยอิงก็เริ่มเก็บของโดยมีซ่งหนานชวนยืนดูอยู่เงียบๆ

“หื้มม ฉันต้องเอามาส์กหน้าไปด้วย” เผยอิงหยิบมาส์กหน้าใส่กระเป๋าเดินทาง ก่อนหันกลับไปทางซ่งหนานชวนที่มีสีหน้ามืดครื้มชวนหวาดหวั่น “ชวนชวน เป็นอะไรไปคะ”

“ผมไม่พอใจไง ไม่เห็นเหรอ”

เผยอิงวางของในมือลง เดินไปหาเขา โอบคอเขา ก่อนเขย่งปลายเท้า จูบตรงริมฝีปาก “ที่นี้อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยังคะ”

คิ้วซ่งหนานชวนยกขึ้นเล็กน้อย “แค่นั้นจะทำให้ฉันอารมณ์ดีได้แค่ไหนกัน อย่างน้อยก็ต้อง…..” มือเขาเอื้อมเข้าไปภายใต้กระโปรงของเผยอิงอย่างไม่ลังเล ก่อนเอียงคอมางับตรงไหปลาร้าเธอ

เผยอิงเงยหน้า คราง ค่อยๆ สูญเสียการทรงตัว “ชวนชวน…”

เธอเรียกชื่อซ่งหนานชวนแบบไม่รู้สึกตัว เขาอุ้มเธอไปวางบนเตียง ก่อนคร่อมเธอไว้ “เบบี๋ เรียกว่าสามีจ๋าสิ”

“อื้อ…” เผยอิงเขินเกินไปที่จะเรียกเขาแบบนั้น มือซุกซนของซ่งหนานชวนนั้นออกแรงมากขึ้น ก่อนเผยอิงจะร้องออกมา “สามีจ๋า เบาๆ หน่อย”

พอซ่งหนานชวนได้ยินเธอเรียกเขาแบบนั้น ทั้งตัวและหัวใจของซ่งหนานชวนก็ปั่นป่วนไปด้วยความตื่นเต้น เอนตัวลงไป ด้วยแววตาเป็นประกาย “ฟังดูดีชะมัด พูดอีกครั้งสิจ๊ะ”

“สามีจ๋า…”

สีหน้าซ่งหนานชวนเข้มขึ้น เขาจูบริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วง ปิดกั้นเสียงครางของเธอไว้

ถึงเผยอิงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ครั้งเดียวก็ไม่เคยพอ ซ่งหนานชวนทำตามใจอีกครั้งขณะที่เธอกำลังสะลืมสะลือ ก่อนอุ้มเธอไปอาบน้ำในห้องน้ำ

พอพวกเขาออกมาจากห้องน้ำ เผยอิงก็ยังไม่ตื่นดี พอเขาคิดว่าวันหนึ่งเธอได้นอนแค่สี่ชั่วโมง ก็ไม่อยากกวนเธออีก อุ้มเธอขึ้นเตียงนอนหลับกันไปทั้งคู่

เช้าวันถัดมา เผยอิงโดนนาฬิกาที่ตั้งไว้ปลุก แขนซ่งหนานชวนนั้นยังโอบอยู่รอบกายเธอ และเธอก็งัดตัวเองออกมาไม่ได้

“ชวนชวน…..

เธอเรียกเขาเบาๆ ซ่งหนานชวนไม่ยอมลืมตาขึ้น พูดเสียงงืมงำ “เมื่อคืนเธอยังเรียกฉันว่าสามีจ๋าอยู่เลย แต่พอได้อย่างที่ต้องการแล้ว เธอก็ไม่สนใจฉันอีก”

เผยอิง “….”

เขานี่มัน!!!!

แต่ก็จริงว่าพักนี้เธอยุ่งมาก จนแทบไม่ได้ใช้เวลากับเขาเลย ดังนั้นเธอเลยพูดว่า “สามีจ๋า ฉันต้องไปแล้วนะคะ”

ซ่งหนานชวนจูบเธอก่อนปล่อยเธออกจากอ้อมแขน

เผยอิงสูดหายใจลึกๆ หลังจากหลุดออกมาจากอ้อมแขนเขา ก่อนตรงไปล้างตัว เธอเก็บของที่ต้องใช้หมดแล้ว ดังนั้นจึงแค่แบกกระเป๋าเดินทางไปที่ประตู และหันไปทางซ่งหนานชวน “งั้นฉันไปก่อนนะคะ”

“อืมม์” ซ่งหนานชวนตอบ

เผยอิงกระพริบตา เธอเดินมาหาก่อนจูบแก้มเขา “ลาก่อนค่ะ สามีจ๋า เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว”