ฉันไม่ใช่นางเอก 31

บทที่ 31 ง้อ

ซ่งหนานชวนนั้นสวมชุดสีอ่อนที่เขาชอบพร้อมเนคไทสีแดง ดูหล่อเหลาสง่างาม แสนจะดึงดูดสายตาท่ามกลางเหล่าชายวัยกลางคน

และด้วยรอยใต้ดวงตาเรียวคู่นั้น เขาเหลือบมองไปทางประตูสบายๆ ด้วยสีหน้าสุดพรรณนา

เผยอิงด่าตัวเอง แค่เห็นหน้าซ่งหนานชวนเธอก็ใจอ่อนแล้ว

ผู้กำกับนั้นอยู่ด้านหน้าของกลุ่ม ดังนั้นจึงถือโอกาสแนะนำซีอีโอแต่ละคนในห้องส่วนตัว “นี่ซีอีโอหวัง นี่คือซีอีโอเจียง นี่คือซีอีโอซ่ง”

ทุกคนทักทายกันและกัน คนที่นั่งอยู่ตรงกลางคือซีอีโอหวัง “เอาล่ะ พวกเราไม่ได้เชิญคุณมายืนเป็นการลงโทษนะ ทุกคนนั่งลงเถอะ”

พอเขาพูดจบทุกคนก็หาที่นั่ง ห้องนั้นมีขนาดใหญ่ มีที่นั่งพอสำหรับคนมากกว่าสิบคน นอกจากผู้บริหารยูนิเวิร์สสามคนแล้ว คนอื่นๆนั้นประกอบด้วยนักแสดงหลักสี่คน ผู้กำกับ และผู้ช่วยผู้กำกับที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัว คนที่เหลือนั้นนั่งอยู่ในบริเวณหลัก

เหอหวั่นนั้นรับบทเป็นนางรองในฤดูกาลแห่งรัก ตอนเธอเข้ามานั้นก็เล็งซ่งหนานชวนไว้ พอเห็นที่นั่งข้างๆเขาว่าง เธอก็รีบไปทันที แต่ก่อนที่เธอจะนั่งลงนั้นซ่งหนานชวนก็หันมาส่งสายตาให้เธอ

ถ้าจะให้อธิบายแบบหนังกำลังภายในแล้ว สายตาเขานั้นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เหอหวั่นหวาดหวั่นจนขยับไปนั่งตรงที่ว่างอีกที่ทันที

เผยอิงที่กำลังจะนั่งลงตรงนั้น แต่หลังจากเหอหวั่นนั่งไปแล้วเธอก็ต้องหาที่ใหม่ เธอมองไปรอบๆ ที่นั่งเดียวที่ว่างอยู่คือข้างๆซ่งหนานชวน

…พวกเขาจงใจทำแบบนี้ใช่ไหมเนี่ย

เธอกัดริมฝีปากก่อนเดินไปนั่งลงข้างๆซ่งหนานชวน พอเห็นว่าทุกคนนั่งลงแล้ว บริกรก็เริ่มยกอาหารออกมา นี่เป็นร้านอาหารทะเลชื่อดัง ทุกจานที่ยกออกมานั้นคืออาหารทะเล และพวกมันสดสุดๆ

“อาหารทะเลที่นี่อร่อยมาก บริการตัวเองกันเลยนะครับ” ซีอีโอหวังหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกุ้งมังกรหนึ่งชิ้น และแขกท่านอื่นๆก็หยิบตะเกียบตาม เผยอิงนั้นทานหอยเชลล์ไปและเตรียมตัวจะแกะกุ้งมังกร ขณะที่เธอได้ยินซีอีโอหวังถาม “ผมได้ยินมาว่าคุณเผยชอบทานอาหารทะเลใช่ไหมครับ”

เผยอิงแปลกใจ ยิ้มให้เขา “ใช่ค่ะ”

“งั้นคืนนี้ทานเยอะๆนะครับ คุณต้องลองขนมจีบกุ้งที่นี่ แล้วก็ปลานึ่งด้วย สดมากๆเลย” ขณะที่พูดเขาก็หมุนโต๊ะเลื่อนขนมจีบกับปลานึ่งมาตรงหน้าเธอ

เผยอิงรีบตอบ “ขอบคุณค่ะซีอีโอซ่ง ฉันคีบเองได้”

“ด้วยความยินดี คุณเป็นนางเอกเรื่องนี้ใช่ไหม คงจะลำบากแย่ พยายามเข้านะครับ ซีอีโอซ่งของเราชื่นชมคุณมาก”

ซ่งหนานชวนหันไปทางเขาเอ่ย “ซีอีโอหวัง วันนี้คุณมีเรื่องพูดมากมายเลยนะครับ”

ซีอีโอหวังหัวเราะก่อนหยุดพูด เริ่มแกะกุ้งมังกร

คำพูดของพวกเขานั้นทำให้เผยอิงเริ่มอาย เธอเหลือบมองซ่งหนานชวนที่หลบตาเธอ ก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ

ทุกคนได้ยินเรื่องระหว่างเผยอิงกับซ่งหนานชวนดังนั้นบรรยากาศบนโต๊ะจึงแปลกๆ ผู้กำกับนั้นตัดสินใจรับบทเจ้ามือเริ่มสนทนาเพื่อปรับบรรยากาศ

เผยอิงนั้นไม่พูดอะไรมากมาย แค่ตอบสั้นๆตอนถูกถามเท่านั้น เธอหยิบก้ามปูมากัด เธออยากแกะเปลือกแต่กลับถูกบาดเอาเสียนี่

เสียงซี่หลุดจากปากเธอเบาๆ เธอวางก้ามปูลงสำรวจแผล แผลนั้นไม่ลึกแต่มีเลือดหยดหนึ่ง ซ่งหนานชวนสังเกตเห็นเธอนิ่งไป หันมามอง คิ้วเขาย่นเข้าหากันเอ่ย “ทำไมเธอไม่ระวังสักนิด เธอไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องแกะเปลือกอาหารทะเลหรอกเหรอ”

ขณะที่พูด เขาดึงมือเธอมาจับ และก้มหัวลงดูดเลือดจากแผลเธออย่างเป็นธรรมชาติ

การกระทำเล็กๆนี้ดึงความสนใจของคนบนโต๊ะ เผยอิงดึงมือออกอย่างอึดอัดก่อนบอกเขา “ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”

คิ้วซ่งหนานชวนขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม เขาคว้ามือเธอกลับมาแบบไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ก่อนสังเกตว่าเลือดยังซึมออกมา เลยใช้ผ้าเช็ดมือกดแผลไว้ “บริกร ขอพลาสเตอร์อันหนึ่ง”

“ได้ค่ะท่าน” บริกรสาวในห้องตอบก่อนรีบออกจากประตูไป ฉากที่เธอเพิ่งเห็นนั้นทำให้หัวใจเธอเต้นแรง เธอเคยเห็นข่าวเกี่ยวกับซ่งหนานชวนและเผยอิงบนเว่ยป๋อ แต่จากที่เธอเพิ่งเห็น เธออยากบอกทุกคนว่าคนที่เริ่มข่าวลือเรื่องรักแท้ของซ่งหนานชวนคือเซี่ยหานน่ะงี่เง่าสิ้นดี เผยอิงน่ะเป็นคนที่เขาชอบที่สุดชัดๆ เธอแค่โดนเปลือกปูบาดนิดเดียว เขาก็เป็นห่วงขนาดนี้แล้ว”

เธอรีบหยิบพลาสเตอร์กลับมา ซ่งหนานชวนนั้นก็ยังกดแผลด้วยผ้าเช็ดมืออยู่

เผยอิงนั้นอยากดึงมือออกจะแย่ แต่ซ่งหนานชวนนั้นกุมมือเธอแน่น เธอเลยทำไม่ได้ หลังจากบริกรสาวกลับมา ซ่งหนานชวนก็แกะพลาสเตอร์มาปิดแผลให้เผยอิง

ใบหน้าเผยอิงนั้นแดงก่ำไปหมด และสายตาของทั้งห้องนั้นอยู่ที่พวกเขา หลังจากจัดการแผลแล้ว เธอก็รีบดึงมือเธอคืน เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย

ซ่งหนานชวนนั้นยังหน้าบึ้งขณะที่มองเธอ “ที่แกะปูก็มี ทำไมถึงใช้มือแกะล่ะ”

เผยอิงไม่สนใจเขา หยิบที่แกะปูขึ้นมา จะแกะก้ามปู

ซ่งหนานชวนที่มองนิ้วที่ติดพลาสเตอร์ไว้ หยิบที่แกะปูจากมือเธอ “งั้นให้ผมแกะให้นะ”

เผยอิงอยากจะคว่ำโต๊ะเหลือเกิน ซ่งหนานชวน คุณตาบอดเหรอไงถึงไม่เห็นสายตาที่จับจ้องมาทางนี้น่ะ

และแน่นอนว่าหลังจากซ่งหนานชวนวางเนื้อปูที่แกะเปลือกแล้วลงในจานตรงหน้าเธอ เธอก็กลืนลงไปแบบคนที่ไม่มีกระดูกสันหลัง…

พอการทานข้าวจบลงเผยอิงก็ทบทวนตัวเอง

ขณะที่กลุ่มคนออกจากร้านอาหาร ก็ได้ยินซ่งหนานชวนถาม “เธอจะกลับบ้านยังไง”

เผยอิงเปิดปากตอบ “ผู้ช่วยของฉันจะขับไปส่งบ้านค่ะ” เธอเดินตรงไปที่รถให้ผู้ช่วยไปส่งโดยไม่หันหลังกลับไปสักครั้ง

ซ่งหนานชวนยืนนิ่ง มองรถเธอขับออกไป คิ้วขมวดเล็กๆ ซีอีโอหวังที่มองตามสายตาเขาไป ตบไหล่เขา ส่งยิ้มสดใสให้เอ่ย “อย่าห่วงไปเลย ละครฉายตั้งหลายเดือน คุณสามารถเชิญกองถ่ายออกมาทานข้าวได้อีกเรื่อยๆน่า”

ซ่งหนานชวนปัดมือซีอีโอหวังออกจากไหล่ตัวเอง ขึ้นรถ

หลังจากเผยอิงถึงบ้าน เธอก็จ้องพลาสเตอร์บนนิ้ว สัมผัสของลิ้นซ่งหนานชวนเลียนิ้วเธอนั้นเหมือนจะยังหลงเหลืออยู่ ก่อนใบหน้าเผยอิงจะแดงก่ำ

…รอเดี๋ยวนะเผยอิงเธอกำลังคิดอะไรน่ะ เธอกำลังนึกถึงเรื่องอะไรน่ะ

เผยอิงถอนหายใจ ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง

แค่ขอโทษ…เขาก็ทำไม่ได้เหรอ

 

ตารางการถ่ายทำที่แสนจะยุ่งทุกวันหมายความว่าเธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องซ่งหนานชวน และเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กสาวที่ชอบกินเนื้อกับเชฟหนุ่มนั้นมีประโยชน์กับนักแสดงหลายทาง

ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่ได้กิน

[เผยอิง] (ทางการ)

วันนี้พวกเราถ่ายฉากกินอีกแล้วค่ะ (ตะกละ) ทีมอื่นๆอาจจะไม่สนุกกับการถ่ายทำฉากกินข้าวเพราะว่าอาหารนั้นเป็นแค่ของประกอบฉาก รสชาตินั้นก็ไม่แน่ไม่นอน อาจจะเสียแล้วก็ได้ แต่อาหารทุกจานของเรานั้นเตรียมใหม่ๆ รสชาติก็อร่อยล้ำมาก ยูนิเวิร์สน่ะต้องรวยมากแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า (รูป) (รูป) (รูป)

แฟนคลับนั้นร่วมด้วยช่วยกันตอบอย่างกระตือรือร้น

“ขอให้เผยเผยน้ำหนักขึ้น 5 กิโลเถอะ สาธุ (ขอพร)”

“เผยเผย หลังจากละครจบแล้วแล้ว คุณจะกลายร่างจากเผยอิง เป็น เผย อ-อิง (ตัวอักษรจีนสำหรับตัวอิง ประกอบด้วยสองตัวอักษรค่ะ แฟนคลับคนนี้ตัดออกมาแยกกันเป็นสองตัว สื่อว่าเผยอิงจะอ้วนขึ้นนั่นเอง)

“อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน (ยิ้ม)”

“อย่าห่วงเลยเผยเผย คุณจะน้ำหนักขึ้นสักห้าโล หรือจะสิบเลยก็ตาม ผมก็ยังชอบคุณ (ยิ้ม)”

“ว้าว ฉันได้ยินว่าตระกูลอวี้นั้นเป็นคนเสนอสถานที่ถ่ายทำ ถ้าน้ำหนักเผยเผยไม่ขึ้นสิบโล ตระกูลอวี้คงจะเสียชื่อแน่ๆ (บ้องแบ้ว)

ซ่งหนานชวนนั่งอยู่ในห้องทำงานขณะที่เขาเห็นโพสเว่ยป๋อของเผยอิง ได้แต่จ้องรูปบนหน้าจอแบบสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เป็นเรื่องจริงที่ว่าเขามีจุดประสงค์ส่วนตัวในการเชิญทั้งกองออกไปทานข้าววันก่อน เขาอยากเห็นเผยอิง เพราะคิดว่าหลังจากเห็นหน้าเธอแล้ว เขาจะเลิกคิดถึงเธอสักที แต่ความจริงนั้นมันไม่ใช่ ตั้งแต่คืนนั้น ไม่มีช่วงเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงเธอแม้สักวินาที

“ซีอีโอซ่งครับ” เซียวจางเดินไปทางโต๊ะซ่งหนานชวน “เอกสารพวกนี้ต้องมีลายเซ็นคุณครับ”

“อืมม์” ซ่งหนานชวนเหลือบมองเอกสาร หยิบปากกาหมึกซึมขึ้นมาเซ็นต์

หลังจากเขาเซ็นชื่อแล้ว เซียวจางก็มองเอกสาร รู้สึกอายหน่อยๆ 囧. “ซีอีโอซ่งครับ เอกสารนี้ต้องลงนามเป็นชื่อคุณนะครับ”

“หือ” ซ่งหนานชวนมองผู้ช่วยตัวเองแบบงงๆ

“อา คือ…” เซียวจางคืนเอกสารให้ “คุณดูเองละกันครับ”

ซ่งหนานชวนก้มลงมอง ก่อนเห็นตัวอักษรน่าเกรงขามสองตัว เผย อิง

ซ่งหนานชวน  “….”

เขารู้สึกว่าเขาไม่มีสติอะไรแล้ว ถอนหายใจลึกๆ เอนหลังพิงเก้าอี้หนัง “ปรินท์เอกสารมาอีกชุด ผมจะเซ็นใหม่”

“ตกลงครับ” เซียวจางไม่ได้หยิบเอกสารที่เซนแล้วไปด้วย แค่ออกจากห้องไปเฉยๆ

สายตาซ่งหนานชวนเลื่อนไปที่คำว่า “เผยอิง” บนเอกสารขณะที่ความคิดล่องลอยไป

หลายวันถัดมา ซิงเกิ้ลของเผยอิงก็ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ กวงเฉินเรคคอร์ดนั้นเตรียมกิจกรรมโปรโมตไว้มากมาย ตารางถ่ายภาพยนตร์ของเผยอิงนั้นก็แน่นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอก็ต้องแทรกการโปรโมตเพลงตัวเองเข้าไปเพิ่มด้วย

พอประกาศลงเว่ยป๋อ แฟนคลับเผยอิงก็ออกมาฉลองกันใหญ่

“ตอนนี้เผยเผยกำลังไปได้สวยเลย เยี่ยมไปเลย!”

“ปกอัลบั้มน่ะดูดีมาก เผยของฉันสวยสุดๆ ตื่นเต้นมาก”

“อิง อิง อิง (น้ำตาแห่งความดีใจ) ฉันคิดว่าคราวนี้เผยอิงน่ะจะดังสุดๆไปเลย รู้สึกเหมือนลูกสาวฉันกำลังจะแต่งงานออกไปเลย qwq”

“โปรดิวเซอร์คือเฉียวอี้เฉินเหรอเนี่ย… หัวใจฉันเจ็บปวดสุดๆตอนที่คิดว่าเธอโดนด่าแหลก (บ้องแบ้ว)”

ซ่งหนานชวนที่แอบตามเว่ยป๋อเผยอิงเงียบๆรู้ข้อมูลนี้เป็นครั้งแรก เขาเช็คเวลาและเห็นว่าโซโล่ของเธอจะถูกปล่อยอีกสองวัน เขาโทรหาเซียวจางและสั่ง “ซื้อแผ่น ‘ผลิบาน’ ของเผยอิงให้ผมพันแผ่น ในอีกสองวันตอนมันวางขาย”

“…คุณต้องการจำนวนขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เซียวจางพูดเสียงดังลั่น

ซ่งหนานชวนตอบ “อืมม์ แจกพนักงานทุกคนคนละแผ่น”

“…ได้ครับ ขอบคุณครับ ซีอีโอซ่ง”

สองวันถัดมา ซิงเกิ้ลของเผยอิง ‘ผลิบาน’ ก็วางขายบนชั้นและร้านค้าออนไลน์

วันนั้นแฟนคลับจำนวนมากก็ซื้อเพลงไป มีแฟนคลับปริศนาคนหนึ่งนั้นเหมาไปถึงสองหมื่นหยวน ทำเอายอดขายพุ่งทะยานขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของตารางเลยที่เดียว

แฟนคลับที่เฝ้ามอง “…เสี่ยใจปล้ำที่ไหนกันเนี่ย”

เพลงที่เฉียวอี้เฉินโปรดิวซ์นั้นถือว่าผ่านการรับรองขั้นหนึ่ง วันแรกที่ ‘ผลิบาน’วางขาย ไม่ใช่แค่ยอดขายและติดแรงกิ้งอันดับหนึ่งเท่านั้น แต่ตัวเพลงเองก็ดังพอสมควร

แน่นอนว่าคำชื่นชมย่อมมาพร้อมกับคำติเตียน ยังไม่ทันข้ามวันก็มีคนออกมากล่าวหาว่าเผยอิงคงไม่กล้าร้องเพลงนี้สดๆหรอก

ทุกคนนั้นคุ้นเคยกับวงการนี้ดี ตอนแรกก็เป็นซีหม่าเซียวเซียว และก็มีจักรพรรดินี่ติ่งเมิ่งที่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว แต่พอเทียบระดับความยากแล้ว ผลิบานนั้นก็ไม่ได้ยากเท่าเพลงของสองคนนั้น ดังนั้นชาวเน็ตส่วนใหญ่เชื่อว่า ถึงเผยอิงนั้นจะไม่ใช่นักร้องก็ตาม แต่ถ้าต้องร้องสด คงไม่ได้แย่ขนาดนั้น

กวงเฉินใช้กระแสนี้จัดงานแจกลายเซ็นให้เผยอิงถึงสองรอบ ถึงจะมีระยะเวลาแค่สี่สิบนาที แต่ก็เป็นสี่สิบนาทีที่เธอต้องแบ่งเวลามาจากการถ่ายหนัง

ทั้งสองงานจัดขึ้นในเมือง A แฟนคลับในเมือง A นั้นตื่นเต้นกันสุดๆ รวมตัวกันตั้งแฟนคลับเมือง A ให้เผยอิง

งานแรกนั้นจัดขึ้นที่ห้างซิง (ดวงดาว) หลังจากเผยอิงถ่ายหนังตอนเช้า ก็รีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที ถึงขนาดที่ต้องเปลี่ยนชุด และแต่งหน้าในรถตู้ระหว่างทางด้วยซ้ำ

เฉินเซิงที่รอที่อยู่ที่ห้างซิงนั้นเมื่อเห็นเธอก็อดถามไม่ได้ “เธอกินข้าวหรือยังเนี่ย”

เผยอิงพยักหน้า “ฉันกินขนมปังไประหว่างทางมาที่นี่น่ะค่ะ น่าจะพอสำหรับงานนี้อยู่”

“ดีแล้ว พิธีกรรออยู่หลังเวที ไปได้เลย”

“ได้ค่ะ” เผยอิงมุ่งหน้าไปที่หลังเวที และเจอพิธีกร ที่ทวนคิวงานให้ฟังก่อนงานแจกลายเซ็นจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

ด้านล่างเวทีนั้นมีแฟนคลับที่มีซีดีและป้ายจำนวนมาก พวกเขาถึงกับถือป้ายแนวนอนขนาดใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เผยอิงจะพบปะกับแฟนคลับต่อหน้า ดังนั้นการได้พบปะครั้งนี้เธอจึงซาบซึ้งใจมาก

พอเธอก้าวเท้าขึ้นมาบนเวที แฟนคลับก็เรียกชื่อเธอเสียงดัง บนเวทีนั้นพิธีกรส่งยิ้มพูด “สวัสดีค่ะทุกท่าน นี่เป็นงานแจกลายเซ็นครั้งแรกสำหรับ ‘ผลิบาน’ ของเผยอิง  พวกเราจะเริ่มงานณ บัดนี้”

พอเสียงพิธีกรหยุดลง ฝูงชนก็ส่งเสียงให้กำลังใจอีกครั้ง พิธีกรส่งไมค์ให้เผยอิง บอกเธอ “ทักทายแฟนๆหน่อยสิคะ”

เผยอิงยิ้ม โบกมือให้แฟนๆ “สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันเผยอิงค่ะ”

เสียงเปล่งขึ้นมาจากด้านหลังเวทีเป็นจังหวะ “ เผยเผย! เทพธิดาเผย! ขายาว! และฉายาต่างๆ”

พิธีกรทำมือให้ทุกคนเงียบ ก่อนเธอจะพูด “ผลิบานของเผยอิงนั้นเรตติ้งสุดยอดมาก ในเมื่อวันนี้เธออยู่ที่นี่แล้ว ทุกคนอยากได้ยินเธอร้องให้ฟังสดๆหรือเปล่าคะ”

“อยาก!!!” เหล่าแฟนคลับร้องอย่างตื่นเต้น

ข้างเวทีนั้นเฉินเซิงรู้สึกหัวใจหล่นหาย

เฉียวอี้เฉินนั้นเคยบอกเขาว่ามีท่อนหนึ่งที่พวกเขาอัดประโยคต่อประโยค ถ้าเธอร้องสด ก็จะรู้กันหมด นี่คือเหตุผลที่เขากำชับคนจัดงานไว้ว่าจะเป็นแค่งานแจกลายเซนโดยไม่มีการร้องเพลง

พิธีกรคนนี้กำลังทำอะไรเนี่ย

 

ฉันไม่ใช่นางเอก 30

บทที่ 30 งี่เง่า

หลังจากกินหม้อไฟกันที่ห้องเผยอิงแล้ว เหล่าพนักงานก็กลับสตูดิโอเพื่อทำงานต่อตอนบ่าย เผยอิงทำความสะอาดบ้านต่อเล็กน้อย พอเหนื่อย เธอก็นอนลงพักผ่อนที่โซฟา

เธอดึงโทรศัพท์มาเลื่อนดูโพสเพื่อนๆ

ซ่งหนานชวนนั้นไม่ได้โพสอะไรสักอย่างเดียว เขายังไม่ยอมส่งข้อความมาหาเธอด้วย เผยอิงคิดว่าพอเขาเห็นข่าวเรื่องโรคจิค อย่างน้อยเขาก็ต้องส่งข้อความมาถามบ้าง และเธอก็จะถือโอกาสคุยกับเขา และก็จะคืนดีกันไปโดยปริยาย

แต่ซ่งหนานชวนไม่เคยติดต่ออะไรเธอสักครั้ง คิ้วสวยๆของเผยอิงขมวดเป็นปมขณะที่จ้องหน้าจอที่มีคำว่า “ไอ้เลวซ่ง”

เขาจะทำสงครามเย็นกับเธอไปอีกนานแค่ไหน ในฐานะผู้ชายเขาจะพูดอะไรก่อนไม่ได้เลยเหรอไง เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะเขานะ ทำไมเธอจะต้องเป็นคนง้อเขาล่ะ

เผยอิงทำหน้ายู่ โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างๆ ตอนเธอออกมา เธอไม่ได้เอาอะไรมาด้วยสักอย่าง แม้แต่พวกแมวก็ทิ้งไว้ที่บ้านเขา เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเขาให้อาหารพวกมันหรือเปล่า

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด ถ่ายรูปบ้านใหม่ แต่งรูปเล็กน้อย และโพสลงไป “ย้ายบ้านใหม่แล้ว ^-^”

ไม่นานนักก็มีคนมากดไลค์รูปเธอเยอะแยะ แต่ไม่มีแม้แต่เงาของซ่งหนานชวน

บ่ายวันนั้นซ่งหนานชวนกำลังทานข้าวกับลูกค้า กว่าจะออกมาจากร้านอาหารในโรงแรมก็เกือบบ่ายสองแล้ว

ที่ล็อบบี้ซ่งหนานชวนก็พบกับเซี่ยหานที่สวมชุดกระโปรงสีขาว ทำให้เธอดูบริสุทธิ์สดใสกว่าปกติ

“ซีอีโอซ่ง บังเอิญจังค่ะ” เซี่ยหานส่งยิ้ม เดินมาทักเขา

ซ่งหนานชวนพยักหน้าให้เธอ ถาม “คุณเซี่ย มาทานอาหารที่นี่เหรอครับ”

“ใช่ค่ะ”

“งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว”

เซี่ยหาน “….”

“ฉันทานเสร็จแล้วค่ะ” สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอขณะที่ซ่งหนานชวนเดินจากไป เธอรีบตามไปก่อนเอ่ย “ซีอีโอซ่งคะ ไหนๆเราพบกันแล้ว ทำไมไม่มาดื่มกาแฟกันสักแก้วละคะ”

“ผมขอโทษนะครับ ผมยังมีธุระต้องจัดการ” หลังจากพูดจบ สายตาเขาก็กวาดไปทั่วห้องก่อนออกไป

 

เซี่ยหานนั้นอยากตามไปแต่โดนเซียวจางกันไว้ “คุณเซี่ยครับ ผมขอโทษนะครับ ซีอีโอซ่งยังมีธุระต้องจัดการอยู่”

เซี่ยหานยิ้มอิดออด เอ่ย “ถ้าเป็นแบบนั้น ครั้งหน้าฉันจะเชิญเขาใหม่ละกันนะคะ”

เซียวจางยิ้มตอบ ไม่พูดอะไรอีก ก่อนหันกลับจากไป

ในรถเซียวจางถามซ่งหนานชวน “ซีอีโอซ่งครับ เซี่ยหานทราบได้ยังไงว่าคุณอยู่ที่ร้านนี้”

ซ่งหนานชวนตอบ “ฉันเองต้องเป็นฝ่ายถามนายมากกว่า ใครเป็นปล่อยข้อมูลตารางงานฉัน?”

“…ผมจะกลับไปตรวจสอบทันทีที่ถึงออฟฟิศครับ” เซียวจางรู้สึกเหมือนตัวเองขุดหลุมให้ตัวเองกระโดดลงไป “ครั้งก่อน เซี่ยหานจงใจเรียกนักข่าวมาถ่ายรูปกับคุณ คุณคิดว่าครั้งนี้เธอจะใช้ลูกไม้เดิมหรือเปล่าครับ”

ซ่งหนานชวนพึมพำไม่แน่ใจก่อนเอ่ย “ฉันรู้สึกเหมือนมีใครถ่ายรูปพวกเราอยู่นะ” หลังจากอยู่กับเผยอิง เขาเหมือนจะได้สัมผัสพิเศษเรื่องกล้องแอบถ่ายมาด้วย

วันถัดมาเรื่องที่พวกเขาสงสัยนั้นก็ได้รับการยืนยัน นักข่าวที่เคยลงข่าวว่าเขากับเซี่ยหานนั้น “ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนม” นั้นกำลังรายงานว่าพวกเขา “นัดพบกันที่โรงแรมลับๆ” ซ่งหนานชวนมองข่าวบนเว่ยป๋อด้วยหน้าบึ้งตึง เซี่ยหานจะไม่ปล่อยเขาเลยจริงๆเหรอ

พอเห็นข่าวบนอินเตอร์เนตเซียวจางก็รู้สึกกระวนกระวายว่าจะเติมเชื้อไฟให้การทะเลาะกันของซ่งหนานชวนกับเผยอิง ก่อนที่ซ่งหนานชวนจะเรียก เขาก็บุกเข้าหาเจ้านายก่อน “ซีอีโอซ่งครับ ผมควรให้พวกเขาลบข่าวนี้ไหม”

“อืมม์” ซ่งหนานชวนพยักหน้า ก่อนหยุดเขาไว้ “รอเดี๋ยว พรุ่งนี้ค่อยลบ”

“…?” เซียวจางไม่เข้าใจ และซ่งหนานชวนก็ไม่อธิบายอะไรปล่อยให้ผู้ช่วยออกไปจากห้องเท่านั้น

หลายวันที่ผ่านมานี้เผยอิงใช้เวลาไปกับการท่องบท ในที่สุดตอนมื้อกลางวันเธอก็ออนไลน์เข้าเว่ยป๋อ ก่อนจะโดนข่าวที่เธอเห็นทำให้แปลกใจ

ตอนพิเศษตอนที่สองของละครระหว่างเผยอิง – ซ่งหนานชวน เรื่องชู้สาวระหว่างซ่งหนานชวนกับเซี่ยหาน

เพราะซ่งหนานชวนไม่ได้จัดการข่าวนี้ สังคมออนไลน์เลยขุดข่าวเก่าระหว่างทั้งคู่ขึ้นมาด้วย พวกเขาถึงกับบอกว่าเซี่ยหานเป็นรักแท้ของซ่งหนานชวน และเผยอิงน่ะเป็นมือที่สาม ต้องขอบคุณซีอีโอซ่งที่แก้ตัวทันเวลาเพื่อมาคืนดีกับเซี่ยหาน

เผยอิง “……”

ไอ้โง่คนไหนเป็นคนเขียนข่าวนี้เนี่ย พวกเขาคิดว่าเธอนิสัยดีจนจะไม่โกรธใครเหรอไง

แต่ชาวเน็ตนั้นไม่เชื่อข่าวที่ว่าเผยอิงนั้นเป็นมือที่สามแม้แต่น้อย

“พวกนายสมองนิ่มกันหมดแล้วเหรอ เผยอิงน่ะเป็นคนที่ซ่งหนานชวนยอมรับว่ากำลังคบหากันอยู่นะ เรื่องเซี่ยหานนี่มันอะไรกัน อย่ามากลับดำให้เป็นขาวหน่อยเลยน่า :)”

“ถึงฉันจะไม่ชอบเผยอิง แต่เซี่ยหานเหรอ… ดูเอาเองเถอะ (รูป)”

“ไม่ยอมคุยแล้วก็ทิ้งเผยเผยของพวกเราไป ซีอีโอซ่งจะรักใครก็รักไปเถอะ แต่อย่ามาทำร้ายหัวใจเผยเผยของพวกเราเลย (ยิ้ม)

“เซี่ยหานนี่เป็นดาราที่นอนกับนักเขียนยันโปรดิวเซอร์ใช่เปล่า พวกนายคิดว่าซีอีโอซ่งจะมองเธอเหรอ (แคะขี้มูก)

เผยอิงนั้นพอใจมากที่ชาวเน็ตนั้นยังมีสมองกันอยู่ เธอเปิดความคิดเห็นหลายหน้าก่อนที่จะเห็น @เผยอิง เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง

เธอเตรียมใจก่อนเปิดดู แต่กลับเป็นหน้าเว่ยป๋อของนิตยสารที่ @ เธอ เพราะว่านิตยสารนั้นวางแผงวันนี้ พวกเขาเลยโฆษณาในเว่ยป๋อด้วย เธอเห็นรูปถ่ายฉบับทดลองพิมพ์แล้ว แต่เธอก็อดดูซ้ำจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้ เธอรู้สึกว่าเธอสวยมากๆเลยรีโพสเรื่องนี้แทนเรื่องของซ่งหนานชวนกับเธอ

[เผยอิง] (ทางการ)

รูปที่ฉันไปถ่ายแบบกับนิตยสาร A วางแผงวันนี้นะคะ มีสัมภาษณ์สั้นๆข้างในด้วย ถ้าคุณสนใจอย่าลืมอุดหนุนสักฉบับนะคะ~ (น่ารัก)

จำนวนแฟนคลับนิตยสารนั้นก็มีจำนวนมากอยู่แล้ว แต่พอหลังเผยอิงโพส หลายๆคนที่กำลังอ่านเรื่องซ่งหนานชวนกับเซี่ยหานก็เห็นเพจเข้า

“ว้าว เผยเผยของฉันเป๊ะเว่อร์ (เซ็กซี่)”

“เห็นอยู่บนแผงหนังสือฉันเลยคว้ามาฉบับหนึ่งแหละ เผยเผยสวยมากเลย (รักคุณ)

“ฉันรู้สึกว่าขาเผยเผยยาวขึ้นอีกแล้ว (หัวเราะจนน้ำตาไหล) ตอนนี้ฉันกำลังจะซื้อขาน่ากินคู่นั้นสักฉบับหนึ่ง (ทำหน้าบ้องแบ้ว)”

“ขอโทษด้วยนะที่ต้องพูดตรงๆ แต่ซ่งหนานชวนน่ะต้องตาบอดแน่ๆที่ทิ้งเผยอิงไปหาเซี่ยหานน่ะ (หัวเราะจนน้ำตาไหล)”

“ไม่มีมาตรฐานสำหรับการเปรียบเทียบ และก็ไม่มีโทษอะไรถ้าเอาเผยอิงไปเทียบกับเซี่ยหาน”

แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจคือการที่คุณปาปารัสซี่ที่ติดตามบล็อกของเธอโพสบนเว่ยป๋อบริษัทของตัวเอง “งดงาม, งดงามจริงๆ หลังจากเลิกกับเทพธิดาเผย รสนิยมของซีอีโอซ่งนั้นตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด (ทำหน้าบ้องแบ้ว)

เผยอิง “….”

คุณปาปารัสซี่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ…

เธอกลับไปหน้าแรกก่อนเห็นข่าวของซ่งหนานชวนและเซี่ยหานอีกครั้ง เธออารมณ์ดีเลยตัดสินใจอ่านรายละเอียด รูปนั้นเป็นรูปคนสองคนที่ล็อบบี้โรงแรม ไม่เหมือนกับจะเช็คอินในห้องแม้แต่น้อย คนเขียนนั้นถึงขั้นเขียนว่าทั้งคู่นั้น “กำลังแสดงความรักใคร่สนิทสนม” เผยอิงหัวเราะ คนคนนี้ไม่เคยเห็นซ่งหนานชวนตอนที่เขากำลังแสดงความรักกับใครแน่ๆ สีหน้าเขาในรูปมันคือความรำคาญด้วยซ้ำ

เธอดูเวลาที่ลงข่าว เลยแปดโมงเช้ามานิดๆ ตอนเช้าผ่านไปแล้วแต่ข่าวนั้นยังอยู่บนหน้าหนึ่ง เธอไม่เชื่อว่าซ่งหนานชวนจะไม่รู้เรื่องนี้ คราวก่อนตอนที่ข่าวเธอลงในเว่ยป๋อ เขาสั่งลบเกือบทันทีและยังฟ้องปาปารัสซี่คนนั้นทางกฎหมายอีกด้วย แล้วทำไมเขาถึงไม่จัดการเรื่องนี้ล่ะ

เธอคิดอยู่สองสามวินาทีก็เข้าใจ

เขาตั้งใจทิ้งข่าวไว้ให้เธอเห็น เพราะว่าเขาโกรธเธอที่มีข่าวกับอวี้ไค่เจ๋อสินะ

…อา อา ซ่งหนานชวน เนี่ย ไม่ยอมติดต่อเธอก็เรื่องหนึ่ง แต่เขาทำตัวเด็กๆแบบนี้เพื่ออะไร เธอยิ้มขณะที่หาวีดีโอออนไลน์ ก่อนโพสลงฟีด “หนึ่งร้อยวิธีในการฆ่าแฟนเก่าให้ตาย แค่อยากแชร์กับพวกเธอเฉยๆ ^_^”

อา มาเถอะ ถ้าอยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดละก็ มาลุยกันเลย

ซ่งหนานชวนนั้นกำลังรีเฟรสทั้งเว่ยป๋อและเว่ยซินของเผยอิงไม่หยุด เหตุผลที่เขาบอกเซียวจางให้รอพรุ่งนี้ถึงจะลบบทความของเขากับเซี่ยหานนั้นมีส่วนหนึ่งที่อยากแก้แค้นก็จริง แต่เขาแอบหวังว่าเผยอิงจะโกรธจนมาเล่นงานเขา แล้วสองคนก็จะได้เริ่มคุยกันอีกครั้ง

พอมีเหตุการณ์เรื่องเผยอิงเจอโรคจิต เขาก็คิดว่าเธอจะกลัวจนติดต่อเขา ท้ายที่สุดเขาก็ได้แต่รอทั้งวันทั้งคืนแต่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรจากเธอ เขาแน่ใจว่าเธอต้องโกรธเขาแน่ๆ

แต่หลังจากเขารีโพสฟีดในเว่ยซินแล้ว เขาก็เห็น หนึ่งร้อยวิธีในการฆ่าแฟนเก่าให้ตาย
ซ่งหนานชวน, “….”

เขากดเปิดวีดีโอและก็ได้ยิน “…ยังไม่อยู่ที่นี่ เกือบทุกครั้งมันเป็นเพราะว่าเทียนล้มลงไปบนผ้าห่มของเขา น้ำท่วมไหลทะลักจากแม่น้ำ แล้วที่โรงแรมที่เขาพักก็เกิดอุบัติเหตุจากพัดลมเพดานที่น็อตหลวม ถูกแทงที่ลำคอ…” [เป็นคำบรรยายวิธีฆ่าแฟนเก่า ต้นฉบับก็มาขาดๆหายๆแบบนี้แหละค่ะ อาจจะงงๆอยู่นะคะ]

ซ่งหนานชวน “……”

เขาไม่ถือว่าตัวเองเป็นแฟนเก่า ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ส่งผลอะไรกับเขาหรอกนะ

เขาออกจากเว่ยป๋อ เรียกเซียวจางเข้ามาในห้องทำงาน “ให้คนลบข่าวเมื่อเช้าออกทันที แล้วก็บอกทนายว่าผมต้องการฟ้องบริษัทนี้อย่างเร็วที่สุดด้วย”

“…เอ่อ ได้ครับ” เซียวจางพยักหน้า ความคิดมีแต่สนับสนุน เหมือนกับที่มีคำกล่าวว่า การอยู่กับจักรพรรดิ ก็เหมือนอยู่กับเสือ เขาไม่เข้าใจความคิดของซีอีโอซ่งเลยจริงๆ

“แล้วก็ แจ้งยูนิเวิร์ส พิคเจอร์ด้วยว่าสองพันล้านที่ผมลงทุนไป ห้ามไปใช้กับเซี่ยหานแม้แต่หยวนเดียว”

เซียวจางอึ้งสนิท อะไรที่ทำให้ซีอีโอซ่งเปลี่ยนใจได้ไวขนาดนี้

“ไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ” ซ่งหนานชวนมองเขาที่ยืนนิ่งอยู่ เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นเรื่อยๆ

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะจัดการทันที”

“รอเดี๋ยว ซื้อนิตยสาร A ของเดือนนี้ให้ผมด้วยหนึ่งฉบับ”

“…ได้ครับ” เซียวจางรู้สึกสงสารซ่งหนานชวนขณะที่คิดว่าซีอีโอผู้แสนยิ่งใหญ่คนนี้ไม่มีคนให้กอด ได้แต่นั่งอ่านนิตยสารเท่านั้น

อิง [ตัวนี้แปลว่าน้ำตาค่ะ]

เซียวจางซื้อกลับมาถึงสามฉบับอย่างใส่ใจ

หลังจากที่เผยอิงโพสหนึ่งร้อยวิธีในการฆ่าแฟนเก่าให้ตายแล้วเธอก็สดชื่นสุดๆ ปิดคอมก่อนตัดสินใจออกไปหาอะไรอร่อยๆกิน แล้วค่อยกลับมาท่องบทต่อ

พอเธอเดินลงมาข้าวล่างก็เห็นนักข่าวรออยู่ที่อพารตเมนท์ฝั่งตรงข้าม เทาเทาอยู่ตึกนั้นและเผยอิงสงสัยว่านักข่าวต้องมาหาเทาเทาแน่ๆ

ถึงแม้เรื่องที่เธอทะเลาะกับหลีซีซีจะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่เรื่องออนไลน์นั้นยังไม่จบลง แฟนคลับหลีซีซีตามกัดเทาเทาไม่ปล่อย พวกเขาบอกให้เธอลงวีดีโอขอโทษแต่เทาเทานั้นก็ดังพอตัว เธอไม่น่าจะยอมเสียหน้ายอมลงวีดีโอขอโทษแน่ๆ ซึ่งแปลว่าสถานการณ์ไม่มีทางคลี่คลาย

เผยอิงคิดว่าเฉินเซิงนั้นต้องกำลังปวดหัวแทบตายแน่ๆ แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอสวมแว่นตากันแดด ก่อนเดินออกจากประตูหลังออกจากตรอกไปเงียบๆ

พอเธอไปที่ตลาดก็มีแฟนคลับจำเธอได้บ้าง แต่พวกเขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจคนกลุ่มใหญ่ เหมือนว่าเธอจะต้องการผู้ช่วยจริงๆนั่นแหละ

เธอเตรียมตัวถ่ายละครสิ้นเดือนเมษาและพอวันที่ 1 พฤษภาคม ก็มีข่าวดังบนเว่ยป๋อชิ้นหนึ่ง

 

[ยูนิเวิร์ส พิคเจอร์] (ทางการ)

ยินดีจริงๆ! บริษัทของเราได้ลิขสิทธ์การถ่ายภาพยนตร์ของนิยายเรื่อง “เย่เหยียน” จาก อาจารย์ซิงซินแล้ว (วิ่งวนรอบๆ) สำหรับนักแสดงนั้น โม่เจิ้นยืนยันว่าจะรับบทพระเอกของเรา อู๋หยาง โดยที่อาจารย์ซิงซินจะดูแลบทอย่างใกล้ชิด เฉียวอี้เฉิน โปรดิวเซอร์เฉียวนั้นจะเป็นคนดูแลเพลงประกอบภาพยนตร์ ยังมีข่าวว่าติ่งเมิ่งนั้นจะร้องเพลงประกอบหลักอีกด้วย! (อินเลิฟ) พวกคุณตื่นเต้นกันหรือเปล่า? บ.ก.ตัวน้อยๆคนนี้ตั้งตารอคอยอย่างคาดหวังสุดๆไปเลย!

พอประกาศของยูนิเวิร์สลงก็ทำเอาวงการบันเทิงนั้นสั่นสะเทือนไปหมด จะบอกว่าเป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีโปรดักชั่นใหญ่ขนาดนี้ในประเทศที่พร้อมพรั่งด้วยมือหนึ่งและเนื้อเรื่องซับซ้อนขนาดนี้

นักแสดงนำชายนั้นถูกยืนยันแล้วว่าเป็นจักรพรรดิโม่เจิ้น แต่ไม่มีข่าวเรื่องนางเอกแม้แต่น้อย บริษัทเองก็ไม่ยอมเปิดเผยอะไรเลย เผยอิงเองก็เป็นแฟนคลับนิยายของซิงซินเหมือนกัน เธอสะสมนิยายทุกเรื่องไว้ในบ้านและซีรีย์นักสืบเอ็นรอนนั้นเป็นเรื่องโปรดของเธอ

ถึงแม้ความเป็นไปได้นั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอโทรหาเฉินเซิงเพื่อสอบถามเรื่องนางเอกภาพยนตร์

หลังจากข่าวเกี่ยวกับเรื่อง “นักแสดง” ออกไปตอนเช้า สายโทรศัพท์ยูนิเวิร์สนั้นแทบจะระเบิดเพราะว่าคนที่เล็งบทจ้าวเยวี่ยไว้ แต่ฉันได้ยินตัวแทนยูนิเวิร์สบอกว่าซิงซินนั้นจู้จี้เรื่องนักแสดงมาก ทั้งหลีซีซีและหนี่ไป๋โดนเขาปฏิเสธหมด

พอได้ยินเผยอิงก็อดสงสัยไม่ได้ หลีซีซีนั้นเป็นดาราหญิงที่ดังที่สุดในประเทศตอนนี้ หนี่ไป๋นั้นได้รับรางวัลการแสดงดีเยี่ยม แต่ทั้งคู่ยังดีไม่พอสำหรับซิงซินอีกเหรอเนี่ย

เฉินเซิงเอ่ย “จากที่ฉันได้ยิน เขาเห็นว่าการแสดงของหลีซีซีแย่เกินไป และถึงหนี่ไป๋จะมีทักษะการแสดงแต่อายุเธอไม่เหมาะกับบทจ้าวเยวี่ย เธอเองก็รู้ว่ากว่ายูนิเวิร์สจะซื้อลิขสิทธิ์ทำภาพยนตร์มาได้น่ะยากแค่ไหน ซิงซินเองก็ดังมาก ดังนั้นโปรดักชั่นนี้จึงให้เกียรติความคิดเห็นของเขามาก”

เผยอิงพยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ”

“บทละครยังเขียนอยู่เลย ฉันว่าพวกเขาคงยังไม่ประกาศตัวนางเอกจนกว่าบทจะเรียบร้อย แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกนักแสดงยังไง ฉันจะคอยตามข่าวให้ ไม่ต้องเป็นห่วง ถ่ายละครให้ดีๆ เธอต้องสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเพื่อเพิ่มความมั่นใจนะ”

“อืม ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันท่องบทได้แล้ว”

“ดีแล้ว” เฉินเซิงถอนหายใจ “เธอเป็นคนที่ไม่หาเรื่องใส่ตัว เทาเทาน่ะทำให้ฉันปวดหัวจะตายอยู่แล้ว กว่าเธอจะดังนี่ก็ไม่ง่าย และตอนนี้เธอก็หาเรื่องใส่ตัว ฤดูกาลแห่งรักน่ะจะเริ่มถ่ายพรุ่งนี้ ฉันคงจะไม่ได้ไป แต่ฉันจะให้ผู้ช่วยเธอช่วยเตรียมทุกอย่างให้”

“ค่ะ”

“อ้อ ฉันจะบอกอีกเรื่องด้วย กวงเฉินโปรดักชั่นบอกว่า ‘ผลิบาน’ จะถูกปล่อยเดือนนี้”

“เหรอคะ” ดวงตาเผยอิงเป็นประกายวิบวับอย่างตื่นเต้น “โปรดั่กชั่นเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”

“อืมม์ ฉันจะส่งให้เธอที่หลังนะ”

“เยี่ยมเลยค่ะ” เผยอิงรู้สึกว่านี่เป็นข่าวดีที่สุดในช่วงนี้เลยที่เดียว นี่เป็นซิงเกิ้ลแรกของเธอและยังโปรดิวซ์โดยเฉียวอี้เฉินด้วย!

“การโปรโมตจะตามมาแน่ ดังนั้นตารางงานเธอจะยุ่งมาก เตรียมตัวไว้ล่ะ”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เธอว่างมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เธอควรจะยุ่งหน่อยได้แล้ว

เช้าอันสดใสวันถัดมา ผู้ช่วยเผยอิงขับรถพาเธอไปสถานที่ถ่ายทำฤดูกาลแห่งรัก ผู้ช่วยเธออายุพอๆกับเธอ ยี่สิบต้นๆ แต่เธอทั้งสงบนิ่งสง่างาม และพูดน้อย ไม่เหมือนกับสาวๆรุ่นราวคราวเดียวกันที่ชอบเจ๊าะแจ๊ะ

เนื่องจากเป็นการถ่ายทำวันแรก จึงมีพิธีการเปิดกองถ่าย สมาชิกแต่ละคนในกองถ่ายจุดธูป อธิษฐานให้การถ่ายทำเป็นไปด้วยดี ไม่แค่นักแสดงและพนักงานในกอง แต่นักเขียนนิยายต้นฉบับยังเข้าร่วมด้วย พร้อมกับนักข่าวหลายสำนัก

ก่อนที่พิธีจะเริ่ม รูปถ่ายก็เริ่มกระจายไปในเว่ยป๋อ ฤดูกาลแห่งรักนั้นก็เริ่มติดกระแสค้นหา แฟนคลับเผยอิงเข้ามาโปรยดอกไม้ให้กำลังใจบนเว่ยป๋อของเธอ และแฟนคลับระยะยาวของเธอหลายๆคนนั้นก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล

หลังจากผ่านมาหลายปี เธอก็ได้รับบทนำกับเขาเสียที!

ถึงเผยอิงจะไม่มีเวลาเช็คเว่ยป๋อ แต่เธอก็เห็นพ้องกับแฟนคลับ ขณะที่อยู่กองถ่ายเธอก็ลงโพสบอกแฟนคลับเกี่ยวกับตัวละครที่เธอจะเล่น

ทุกคนนั้นกระตือรือร้นอย่างมากในวันแรกของการถ่ายทำ การทำงานร่วมกับจางเฉินอี้นั้นเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเช่นกัน ก่อนที่เลิกกอง ผู้กำกับก็บอกทุกคนว่ายูนิเวิร์ส พิคเจอร์นั้นจะเลี้ยงมื้อค่ำทั้งกอง และถ้าใครไม่ไปก็จะน่าเสียดายมาก ดังนั้นทุกคนควรจะไป

ในฐานะนางเอก เผยอิงก็ต้องไปด้วยแน่นอน แต่หลังจากที่เธอไปถึงนั้นก็พบว่า ซ่งหนานชวนนั้นก็อยู่ที่งานด้วยเหมือนกัน

 

ฉันไม่ใช่นางเอก 29

บทที่ 29 ตำรวจ

เจ้าหน้าที่ที่อยู่เวรอยู่ที่สถานีตำรวจนั้นเป็นคนเดียวกับครั้งก่อน เขาให้ชายชุดดำที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นล้างหน้าก่อนช่วยทำแผลให้

“ผู้ชายที่ตามคุณชื่อ เหรินเชียง เขาเคยมีประวัติคุกคามผู้หญิงมาก่อนด้วยครับ” เจ้าหน้าที่อธิบายกับเผยอิง “จากคำให้การ เขาเห็นคุณเดินผ่านไป ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าคุณเป็นดารา แต่เห็นว่าคุณสวยมาก เลยคิดไม่ดีกับคุณ ตอนที่คุณแจ้งความครั้งนั้นเขากลัวเลยหายไป แต่พอเขาเห็นข่าวเรื่องคุณบนเว่ยป๋อ เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้”

คุณปาปารัสซี่ทนไม่ได้ “คนแบบนี้ที่ไม่รู้จักสำนึกผิดนี่ควรโดนลงโทษหนักๆ ส่งเขาเข้าคุกไปเถอะ!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเหลือบมองเขา “พวกเราจะจัดการตามกฎหมายครับ แต่คุณก็เล่นงานเขาหนักไม่ใช่เล่น หัวเขาเป็นรูเบ้อเริ่ม”

พอได้ยินคุณปาปารัสซี่ก็รีบพ่นคำตลบตะแลงปกป้องตัวเอง “คุณตำรวจครับ คุณไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น ท้องฟ้ามืดขนาดนี้ และคุณเผยก็ตะโกนร้องให้ช่วย ขัดขืนเต็มที่ แต่ชายคนนั้นก็ไม่ยอมปล่อย เป็นเรื่องด่วนขนาดนี้ ผมไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด ได้แต่ยกกล้องขึ้น”

เจ้าหน้าที่โบกมือไปมาเป็นสัญญาณให้หยุด บอกเขาให้นั่งลง “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมไม่โทษคุณหรอก ผมแค่สงสารกล้องคุณเท่านั้นเอง”

ปาปารัสซี่ “….”

หัวใจเขาเองก็ปวดร้าวเช่นกัน  qwq

เมื่อเห็นสีหน้าเกือบจะร้องไห้ของปาปารัสซี่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็หัวเราะ “ใครจะคิดว่าคนดังกับปาปารัสซี่จะเป็นเพื่อนกันได้ล่ะ”

คุณปาปารัสซี่ตอบเสียงหนักแน่น “คุณตำรวจครับ สิ่งที่คุณบอกน่ะไม่จริงเลยนะครับ ถึงผมจะเป็นปาปารัสซี่ แต่ผมเองก็เป็นผู้ชายเด็ดเดี่ยว ผู้ชายกำลังโจมตีผู้หญิงกลางดึกแบบนี้ ผมจะวางเฉยไม่สนใจได้ยังไงกัน!”

เจ้าหน้าที่หัวเราะเอ่ย “อืมม์ แน่นอนว่าคุณควรจะช่วย ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญที่ลุกขึ้นมาปกป้องความยุติธรรม ถ้าโลกมีผู้ชายแบบคุณอีก เราคงจะมีเรื่องน่าเศร้าน้อยลงเยอะ”

คุณปาปารัสซี่เงยหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “อ้อ ใช่สิ กล้องผมยังมีรูปอีกเพียบเลย” ขณะที่พูดเขาก็ดึงเมมโมรี่การ์ดออกมาจากกล้อง ถึงแม้กล้องนั้นจะพังเละ แต่เมมโมรี่การ์ดน่าจะยังโอเคอยู่

เจ้าหน้าที่เอ่ย “ทิ้งเมมโมรี่การ์ดไว้เป็นหลักฐานที่นี่ด้วยครับ” ก่อนหันไปทางเผยอิง “คุณเผย คุณคงตกใจมาก บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

เผยอิงส่ายศีรษะ “ไม่ค่ะ ตอนนั้นฉันกลัวมาก แต่ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

“ดีแล้วครับ การแจ้งความไม่มีปัญหาอะไร เซ็นชื่อตรงนี้แล้วกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ”

หลังจากทั้งเผยอิงและปาปารัสซี่เซ็นชื่อแล้วก็ออกจากสถานีตำรวจไปด้วยกัน กล้องของคุณปาปารัสซี่นั้นถูกทิ้งไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเผยอิงรู้สึกผิดเล็กๆ จนบอกเขาว่า “ขอบคุณสำหรับเรื่องวันนี้นะคะ ฉันจะซื้อกล้องใหม่มาใช้ให้คุณ”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผู้จัดการผมจะยื่นเรื่องชดเชยเอง” คุณปาปารัสซี่เอ่ย ส่ายหัวไปด้วย

“แต่คุณเองก็ต้องระวังตัวมากกว่านี้ด้วยนะครับ ไอ้นั่นมันจะถูกขังถึงวันไหนก็ไม่รู้ ถ้าเขาถูกปล่อยตัวออกมาล่ะ”

เผยอิงตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะย้ายบ้านแล้ว”

“ย้ายบ้านเหรอครับ” ปาปารัสซี่กระพริบตารัวๆ “คุณคืนดีกับซีอีโอซ่งแล้วเหรอครับ” แค่หลุดปากและเขาก็ได้ข่าวพาดหัวใหม่แล้ว ทำดีย่อมได้ดีจริงๆ! ไชโย!

“ผู้จัดการฉันหาห้องใหม่ให้ฉันได้แล้ว เนื่องจากแถวนี้ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่น่ะค่ะ”

“อ้อ…” และข่าวใหญ่ของเขาก็หายไปแบบนั้นเอง คุณปาปารัสซี่รู้สึกผิดหวังสุดๆ

“งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” เผยอิงยิ้มให้เขา โบกมือลา คุณปาปารัสซี่มองเธอเดินจากไป ใบหน้าเขาเริ่มกลายเป็นสีชมพูช้าๆ

เผยอิงสวยมาก และรอยยิ้มเธอนั้นช่างแสนน่าดึงดูด และขาคู่นั้น…

อา นี่คือฤดูใบไม้ผลิ

ถึงคุณปาปารัสซี่จะเสียกล้องไป แต่เช้าวันนั้นเขาก็มีข่าวใหญ่ ตอนที่เผยอิงตื่นมาตอนเช้า คำค้นหาในกระแสวันนั้นคือ “เผยอิงต่อสู้กับสต็อกเกอร์อย่างกล้าหาญ!”

เผยอิง “….”

เธอกดเปิดบทความที่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่เธอถูกเขียนให้เป็น ยอดมนุษย์หญิง และยังพูดถึง’เพื่อนร่วมงาน’ของคนเขียนที่มาช่วยเหลือเธอในตอนสุดท้ายอีกด้วย – เผยอิงคิดว่าเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนเขียน

“ด้วยความช่วยเหลือของนักข่าวที่ลุกขึ้นมาปกป้องความยุติธรรม เผยอิงส่งตัวชายชุดดำให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงโทษเรียบร้อยแล้ว! ผมขอให้ทุกคนลุกขึ้นช่วยในยามที่คนต้องการความช่วยเหลือ อย่างที่เพื่อนร่วมงานของผมได้ทำ!

บทความนั้นมีรูปถ่ายสองใบ ที่เหมือนจะถ่ายด้วยกล้องมือถือเพราะมันไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เผยอิงเลยรู้ว่าคุณปาปารัสซี่นั้นยังเหลือไพ่ในมืออีก

เว่ยป๋อของเธอนั้นมีทั้งความคิดเห็นและ @ เกี่ยวกับเรื่องนี้จำนวนหลายพัน บางคนก็เป็นแฟนคลับที่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธอ บางส่วนก็เป็นผู้หญิงที่ขอคำแนะนำว่าควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง เผยอิงไล่ตอบทุกคนไม่ไหวดังนั้นเธอจึงรีบลงข้อความทันที

[เผยอิง] (ทางการ)

ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของทุกท่านนะคะ เป็นเรื่องจริงที่ฉันโดนคนแปลกหน้าโจมตีเมื่อคืน แต่เขาถูกส่งตัวให้ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่บาดเจ็บอะไร แค่ตกใจกลัวนิดหน่อย ฉันสบายดีแล้วค่ะ ^_^ และขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ มีสาวๆหลายคนถามฉันว่าควรจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ดี อันที่จริงฉันเองก็ไม่ใช่มืออาชีพเรื่องนี้ ได้แค่แบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองเท่านั้น อย่างแรกคุณต้องตะโกนขอความช่วยเหลือให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างที่สองฉันมีสัญญาณเตือนกับสเปรย์พริกไทยติดกระเป๋าเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา สาวๆ มักจะมีของในกระเป๋าเยอะมาก คุณควรจะจำให้ได้ว่าคุณใส่ของพวกนี้ไว้ที่ไหน จะได้หยิบออกมาได้ทันเวลา และแน่นอนว่าเมื่อคืนที่ฉันไม่เป็นอะไรเพราะนักข่าวที่เข้ามาช่วยฉันไว้ ดังนั้นฉันจึงอยากขอให้คนที่ผ่านมาผ่านไปยื่นมือเข้าช่วยเหลือในสถานการณ์แบบนี้ด้วยค่ะ

เธอเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนและปฏิกิริยาของตัวเองลงไปก่อนโพส โพสนี้ถูกรีโพสอย่างรวดเร็วโดยชาวเนต รวมไปถึงเพจทางการอื่นๆด้วย เผยอิงเฝ้ามองจำนวนยอดผู้ติดตามที่พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ

…เรื่องแบบนี้ก็สามารถทำให้มีแฟนคลับเพิ่มด้วยสินะ

เรื่องนี้แพร่ไปไกลเกินกว่าที่เธอคาดไว้ ภาพพจน์ปาปารัสซี่ที่เขียนไว้นั้นสูงส่งจนทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าปาปารัสซี่นั้นจะเข้ามาช่วยเธอจริงๆน่ะเหรอ มีเหตุบังเอิญแบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ ใครก็ดูออกว่าสองคนนี้แต่งเรื่องขึ้นมาน่ะ!

เผยอิงไม่อยากเก็บความคิดเห็นอะไรแบบนั้นมาใส่ใจ ไม่ว่าอย่างไรก็มีคนบางจำพวกที่คิดแบบนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม เรื่องใหญ่แบบนี้ แน่นอนว่าซ่งหนานชวนก็ต้องรู้รายละเอียดทุกอย่างเช่นกัน

พอเขาเห็นรูปถ่ายในบทความ เขาก็หน้าบึ้งตึง เรียกเซียวจางมาที่ห้องทำงาน

“ซีอีโอซ่งครับ ผมทำอะไรให้คุณได้บ้าง” เซียวจางเดินมาหาซ่งหนานชวน รู้สึกไม่ค่อยสบาย บรรยากาศในห้องนั้นกดดันจนเขาไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไร

“คุณเห็นข่าวนี้หรือยัง” เขาหันหน้าจอมาให้เซียวจางดู เซียวจางเหลือบมอง พยักหน้า “ผมพึ่งเห็นก่อนผมเข้ามาครับ”

“ไปที่สถานีตำรวจ หาข้อมูลเรื่องนี้มา และก็หารายละเอียดเรื่องผู้ชายที่โจมตีเผยอิงมาด้วย ผมไม่ต้องการเห็นเขาโผล่มาตรงหน้าเธออีก”

“เข้าใจแล้วครับ”

ซ่งหนานชวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ย “ส่งบอดี้การ์ดสองคนให้คอยดูแลเผยอิงด้วย แต่อย่าให้เธอรู้ตัว”

“ได้ครับ ผมจะจัดการเอง”

พอเฉินเซิงรู้เรื่องเผยอิงโดนโจมตี เขาก็รีบหาอพาร์ตเมนท์ใหม่ให้เธออย่างรวดเร็วทันควัน อยู่ใกล้กับเทาเทา หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก แต่กว้างและตกแต่งสวยงาม แน่นอนว่าค่าเช่าแพงกว่าที่เก่าของเธอด้วย

วันถัดมาเผยอิงโทรหาเหรินซานซาน และพนักงานสองคนที่สตูดิโอเพื่อขอแรงมาช่วยย้ายของ อากาศนั้นยังไม่อุ่นเท่าไหร่ แต่การย้ายกล่องใหญ่ๆนั้นทำเอาเผยอิงเหงื่อออกไม่ใช่น้อย

หลังจากพยายามย้ายกล่องเข้ารถ เหรินซานซานก็คิดว่าควรจะจ้างบริษัทมาช่วยย้ายมากกว่า

ไม่ไกลนักรถธรรมดาๆ คันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ ซ่งหนานชวนนั่งอยู่เบาะหลังเฝ้ามองเผยอิงจากอีกฝั่งถนน

“เซียวจาง ให้สองคนนั้นไปช่วยเผยอิงขนของ”

“เอ๋? ครับ” เซียวจางโทรศัพท์หาบอดี้การ์ดทั้งสองที่เขาหาให้เผยอิง บอกให้พวกเขาไปช่วยเธอย้ายของ และขณะที่เผยอิงกำลังขนกล่องกระดาษอยู่นั้น จู่ๆก็มีชายร่างใหญ่สองคนโผล่มา รับของจากมือเธอ ช่วยย้ายไปที่รถ

เผยอิง “….”

เธอตกใจไปแป็ปหนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นในที่สุด “ขะ-ขอบคุณค่ะ คุณเป็นใครคะ”

“พวกเราทำงานบริการสังคมครับ เห็นคุณกำลังย้ายของเลยตัดสินใจมาช่วยครับ” หนึ่งในบอดี้การ์ดตอบแบบจริงจัง

เผยอิง “….”

คุณหนอคุณ จะมองตรงไหนคุณก็ไม่เหมือนเจ้าหน้าที่บริการสังคมสักนิดเดียว

ขณะที่เธอกำลังคิดเรื่องนี้ เหรินซานซานก็แบกกล่องลงมาจากห้อง และก็เหมือนเมื่อสักครู่ บอดี้การ์ดก็รับกล่องไปใส่รถ

เหรินซานซาน “???”

เธอมองเผยอิงด้วยสีหน้าสงสัย เผยอิงตอบ “อ๋อ พวกเขาบอกว่าพวกเขาทำงานบริการสังคม มาช่วยน่ะ”

“…ใครจะคิดว่าเจ้าหน้าที่บริการสังคมน่ะจะเป็นมิตรขนาดนี้”

“ฮื่อ”

ไม่ว่ายังไง การมีผู้ชายแข็งแรงสองคนมาช่วยนั้นทำให้การย้ายของเร็วขึ้นมาก หลังจาก”พนักงานบริการสังคม” ทั้งสองคนทำงานเรียบร้อยก็จากไปแบบเงียบๆ

เซียวจางเห็นเผยอิงขึ้นรถเหรินซานซานไปแล้ว จึงหยั่งเชิงซ่งหนานชวน “ซีอีโอซ่ง คุณจะไม่เข้าไปทักทายคุณเผยหน่อยเหรอครับ”

ซ่งหนานชวนเงียบไปครู่ใหญ่ “ไม่ล่ะ ผมแค่อยากเห็นหน้าเธอ”

ข่าวเกี่ยวกับสต็อกเกอร์บนเว่ยป๋อทำเขาตกใจสุดๆ ถ้าเขาไม่เห็นเผยอิงเขาก็ไม่วางใจ แต่เขาเองก็กังวลว่าถ้าเจอหน้ากันพวกเขาก็จะทะเลาะกันอีก จะดีที่สุดถ้าเขาเฝ้ามองเธอห่างๆ แบบนี้

พอเผยอิงและคณะจากไป ซ่งหนานชวนก็สั่งคนขับ “ไปเถอะ”

รถขับออกไปในทิศทางตรงข้าม เขายังมีประชุมกับแขกสำคัญบ่ายนี้

กองทัพขนย้ายเผยอิงหมดแรงกับการทำงานช่วงเช้าสุดๆ เพื่อเป็นการขอบคุณเผยอิงซื้อเนื้อและผักจำนวนมากมาทำหม้อไฟให้ทุกคน

“ว้าว อพาร์ตเมนท์ใหม่เธอใหญ่กว่าที่เดิมเยอะเลย” เหรินซานซานออกความเห็นหลังจากสำรวจและกำลังลวกเนื้อ

เผยอิงเอ่ย “แน่นอนสิ ค่าเช่าที่ใหม่นี่แพงกว่าที่เดิมตั้งสองเท่า”

“แต่เธอเองก็ทำเงินได้มากกว่าเดิมตั้งเยอะนี่ เธอเคยได้ถ่ายแค่โฆษณา นิตยสารอะไรพวกนั้นเอง ตอนนี้เธอเป็นนางเอกแล้วนะ ช่วงเวลาอันยากลำบากน่ะผ่านไปแล้ว ช่วงเวลาดีๆ ของเธอน่ะกำลังเริ่มต้นขึ้นนะ! พอเธอดัง ร้านของเราก็จะดังไปด้วยแหละ!”

คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะนั้นชูแก้วขึ้น เผยอิงกับเหรินซานซานชนแก้ว ยิ้มเอ่ย “นี่เหมือนสำนวนที่บอกว่าอาศัยความดังของคนอื่นใช่ไหม”

“…แหม อย่าหยาบคายสิจ๊ะ มาเร็ว ชนแก้ว!”

หลังจากกระดกน้ำผลไม้ลงไป เผยอิงก็ส่งนิตยสารที่เธอพึ่งได้รับมาให้เหรินซานซาน “วางแผงพรุ่งนี้นะจ๊ะ อย่าลืมสนับสนุนฉันสักเล่มด้วยล่ะ”

นิตยสารนั้นถูกเปิดไปตรงหน้าของเผยอิง เหรินซานซานเลิกคิ้ว “ไม่เลวเลย ฉันว่าฉันต้องต่อรองราคากับช่างถ่ายรูปของเราแล้วล่ะ” เธอวางนิตยสารลง มองกล้องถ่ายรูป DSLR ที่เผยอิงซื้อมา “ว้าว เธอถูกรางวัลใหญ่เหรอ จะหัดถ่ายรูปเหรอไง”

เผยอิงหรี่ตา วางแก้วลง “อ้อ สำหรับคุณปาปารัสซี่น่ะ กล้องเขาพังไปตอนทุบโรคจิตคนนั้นน่ะ”

“พรืด ถ้ากล้องยังพัง แล้วคนที่โดนกล้องทุบคนนั้นล่ะ”

เผยอิงยักไหล่ “ถ้าเขากล้าทำเรื่องไม่ดีแบบนั้น ก็ต้องเตรียมตัวรับการโดนอัดด้วย”

“มีเหตุผลๆ” เหรินซานซานหยิบแก้วมาชนกับเผยอิงอีกครั้ง

หลังจากกินข้าว เผยอิงแวะไปที่ออฟฟิศของคุณปาปารัสซี่เพื่อเอากล้องไปให้ ตอนที่พวกเขาแจ้งความที่สถานีตำรวจ เธอก็จดทั้งชื่อและที่ทำงานของเขาไว้

พอคุณปาปารัสซี่ได้รับกล้อง เขาก็แทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ ถึงเขาก็บอกว่าไม่ต้องชดเชยอะไรให้เขา เผยอิงก็ยังซื้อกล้องใหม่มาให้ และยังทิ้งการ์ดที่เขียนข้อความไว้ให้ด้วยใบหนึ่ง

“ขอบคุณสำหรับการลุกขึ้นมาปกป้องความยุติธรรมนะคะ หวังว่าจะเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ^-^ เผยอิง”

อิง อิง อิง (น้ำตาแห่งความดีใจ) เทพธิดาเผยใจดีเกินไปแล้ว สุดยอดเทพธิดาเผย!