บทที่ 31 ง้อ
ซ่งหนานชวนนั้นสวมชุดสีอ่อนที่เขาชอบพร้อมเนคไทสีแดง ดูหล่อเหลาสง่างาม แสนจะดึงดูดสายตาท่ามกลางเหล่าชายวัยกลางคน
และด้วยรอยใต้ดวงตาเรียวคู่นั้น เขาเหลือบมองไปทางประตูสบายๆ ด้วยสีหน้าสุดพรรณนา
เผยอิงด่าตัวเอง แค่เห็นหน้าซ่งหนานชวนเธอก็ใจอ่อนแล้ว
ผู้กำกับนั้นอยู่ด้านหน้าของกลุ่ม ดังนั้นจึงถือโอกาสแนะนำซีอีโอแต่ละคนในห้องส่วนตัว “นี่ซีอีโอหวัง นี่คือซีอีโอเจียง นี่คือซีอีโอซ่ง”
ทุกคนทักทายกันและกัน คนที่นั่งอยู่ตรงกลางคือซีอีโอหวัง “เอาล่ะ พวกเราไม่ได้เชิญคุณมายืนเป็นการลงโทษนะ ทุกคนนั่งลงเถอะ”
พอเขาพูดจบทุกคนก็หาที่นั่ง ห้องนั้นมีขนาดใหญ่ มีที่นั่งพอสำหรับคนมากกว่าสิบคน นอกจากผู้บริหารยูนิเวิร์สสามคนแล้ว คนอื่นๆนั้นประกอบด้วยนักแสดงหลักสี่คน ผู้กำกับ และผู้ช่วยผู้กำกับที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัว คนที่เหลือนั้นนั่งอยู่ในบริเวณหลัก
เหอหวั่นนั้นรับบทเป็นนางรองในฤดูกาลแห่งรัก ตอนเธอเข้ามานั้นก็เล็งซ่งหนานชวนไว้ พอเห็นที่นั่งข้างๆเขาว่าง เธอก็รีบไปทันที แต่ก่อนที่เธอจะนั่งลงนั้นซ่งหนานชวนก็หันมาส่งสายตาให้เธอ
ถ้าจะให้อธิบายแบบหนังกำลังภายในแล้ว สายตาเขานั้นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เหอหวั่นหวาดหวั่นจนขยับไปนั่งตรงที่ว่างอีกที่ทันที
เผยอิงที่กำลังจะนั่งลงตรงนั้น แต่หลังจากเหอหวั่นนั่งไปแล้วเธอก็ต้องหาที่ใหม่ เธอมองไปรอบๆ ที่นั่งเดียวที่ว่างอยู่คือข้างๆซ่งหนานชวน
…พวกเขาจงใจทำแบบนี้ใช่ไหมเนี่ย
เธอกัดริมฝีปากก่อนเดินไปนั่งลงข้างๆซ่งหนานชวน พอเห็นว่าทุกคนนั่งลงแล้ว บริกรก็เริ่มยกอาหารออกมา นี่เป็นร้านอาหารทะเลชื่อดัง ทุกจานที่ยกออกมานั้นคืออาหารทะเล และพวกมันสดสุดๆ
“อาหารทะเลที่นี่อร่อยมาก บริการตัวเองกันเลยนะครับ” ซีอีโอหวังหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกุ้งมังกรหนึ่งชิ้น และแขกท่านอื่นๆก็หยิบตะเกียบตาม เผยอิงนั้นทานหอยเชลล์ไปและเตรียมตัวจะแกะกุ้งมังกร ขณะที่เธอได้ยินซีอีโอหวังถาม “ผมได้ยินมาว่าคุณเผยชอบทานอาหารทะเลใช่ไหมครับ”
เผยอิงแปลกใจ ยิ้มให้เขา “ใช่ค่ะ”
“งั้นคืนนี้ทานเยอะๆนะครับ คุณต้องลองขนมจีบกุ้งที่นี่ แล้วก็ปลานึ่งด้วย สดมากๆเลย” ขณะที่พูดเขาก็หมุนโต๊ะเลื่อนขนมจีบกับปลานึ่งมาตรงหน้าเธอ
เผยอิงรีบตอบ “ขอบคุณค่ะซีอีโอซ่ง ฉันคีบเองได้”
“ด้วยความยินดี คุณเป็นนางเอกเรื่องนี้ใช่ไหม คงจะลำบากแย่ พยายามเข้านะครับ ซีอีโอซ่งของเราชื่นชมคุณมาก”
ซ่งหนานชวนหันไปทางเขาเอ่ย “ซีอีโอหวัง วันนี้คุณมีเรื่องพูดมากมายเลยนะครับ”
ซีอีโอหวังหัวเราะก่อนหยุดพูด เริ่มแกะกุ้งมังกร
คำพูดของพวกเขานั้นทำให้เผยอิงเริ่มอาย เธอเหลือบมองซ่งหนานชวนที่หลบตาเธอ ก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ
ทุกคนได้ยินเรื่องระหว่างเผยอิงกับซ่งหนานชวนดังนั้นบรรยากาศบนโต๊ะจึงแปลกๆ ผู้กำกับนั้นตัดสินใจรับบทเจ้ามือเริ่มสนทนาเพื่อปรับบรรยากาศ
เผยอิงนั้นไม่พูดอะไรมากมาย แค่ตอบสั้นๆตอนถูกถามเท่านั้น เธอหยิบก้ามปูมากัด เธออยากแกะเปลือกแต่กลับถูกบาดเอาเสียนี่
เสียงซี่หลุดจากปากเธอเบาๆ เธอวางก้ามปูลงสำรวจแผล แผลนั้นไม่ลึกแต่มีเลือดหยดหนึ่ง ซ่งหนานชวนสังเกตเห็นเธอนิ่งไป หันมามอง คิ้วเขาย่นเข้าหากันเอ่ย “ทำไมเธอไม่ระวังสักนิด เธอไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องแกะเปลือกอาหารทะเลหรอกเหรอ”
ขณะที่พูด เขาดึงมือเธอมาจับ และก้มหัวลงดูดเลือดจากแผลเธออย่างเป็นธรรมชาติ
การกระทำเล็กๆนี้ดึงความสนใจของคนบนโต๊ะ เผยอิงดึงมือออกอย่างอึดอัดก่อนบอกเขา “ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”
คิ้วซ่งหนานชวนขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม เขาคว้ามือเธอกลับมาแบบไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ก่อนสังเกตว่าเลือดยังซึมออกมา เลยใช้ผ้าเช็ดมือกดแผลไว้ “บริกร ขอพลาสเตอร์อันหนึ่ง”
“ได้ค่ะท่าน” บริกรสาวในห้องตอบก่อนรีบออกจากประตูไป ฉากที่เธอเพิ่งเห็นนั้นทำให้หัวใจเธอเต้นแรง เธอเคยเห็นข่าวเกี่ยวกับซ่งหนานชวนและเผยอิงบนเว่ยป๋อ แต่จากที่เธอเพิ่งเห็น เธออยากบอกทุกคนว่าคนที่เริ่มข่าวลือเรื่องรักแท้ของซ่งหนานชวนคือเซี่ยหานน่ะงี่เง่าสิ้นดี เผยอิงน่ะเป็นคนที่เขาชอบที่สุดชัดๆ เธอแค่โดนเปลือกปูบาดนิดเดียว เขาก็เป็นห่วงขนาดนี้แล้ว”
เธอรีบหยิบพลาสเตอร์กลับมา ซ่งหนานชวนนั้นก็ยังกดแผลด้วยผ้าเช็ดมืออยู่
เผยอิงนั้นอยากดึงมือออกจะแย่ แต่ซ่งหนานชวนนั้นกุมมือเธอแน่น เธอเลยทำไม่ได้ หลังจากบริกรสาวกลับมา ซ่งหนานชวนก็แกะพลาสเตอร์มาปิดแผลให้เผยอิง
ใบหน้าเผยอิงนั้นแดงก่ำไปหมด และสายตาของทั้งห้องนั้นอยู่ที่พวกเขา หลังจากจัดการแผลแล้ว เธอก็รีบดึงมือเธอคืน เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย
ซ่งหนานชวนนั้นยังหน้าบึ้งขณะที่มองเธอ “ที่แกะปูก็มี ทำไมถึงใช้มือแกะล่ะ”
เผยอิงไม่สนใจเขา หยิบที่แกะปูขึ้นมา จะแกะก้ามปู
ซ่งหนานชวนที่มองนิ้วที่ติดพลาสเตอร์ไว้ หยิบที่แกะปูจากมือเธอ “งั้นให้ผมแกะให้นะ”
เผยอิงอยากจะคว่ำโต๊ะเหลือเกิน ซ่งหนานชวน คุณตาบอดเหรอไงถึงไม่เห็นสายตาที่จับจ้องมาทางนี้น่ะ
และแน่นอนว่าหลังจากซ่งหนานชวนวางเนื้อปูที่แกะเปลือกแล้วลงในจานตรงหน้าเธอ เธอก็กลืนลงไปแบบคนที่ไม่มีกระดูกสันหลัง…
พอการทานข้าวจบลงเผยอิงก็ทบทวนตัวเอง
ขณะที่กลุ่มคนออกจากร้านอาหาร ก็ได้ยินซ่งหนานชวนถาม “เธอจะกลับบ้านยังไง”
เผยอิงเปิดปากตอบ “ผู้ช่วยของฉันจะขับไปส่งบ้านค่ะ” เธอเดินตรงไปที่รถให้ผู้ช่วยไปส่งโดยไม่หันหลังกลับไปสักครั้ง
ซ่งหนานชวนยืนนิ่ง มองรถเธอขับออกไป คิ้วขมวดเล็กๆ ซีอีโอหวังที่มองตามสายตาเขาไป ตบไหล่เขา ส่งยิ้มสดใสให้เอ่ย “อย่าห่วงไปเลย ละครฉายตั้งหลายเดือน คุณสามารถเชิญกองถ่ายออกมาทานข้าวได้อีกเรื่อยๆน่า”
ซ่งหนานชวนปัดมือซีอีโอหวังออกจากไหล่ตัวเอง ขึ้นรถ
หลังจากเผยอิงถึงบ้าน เธอก็จ้องพลาสเตอร์บนนิ้ว สัมผัสของลิ้นซ่งหนานชวนเลียนิ้วเธอนั้นเหมือนจะยังหลงเหลืออยู่ ก่อนใบหน้าเผยอิงจะแดงก่ำ
…รอเดี๋ยวนะเผยอิงเธอกำลังคิดอะไรน่ะ เธอกำลังนึกถึงเรื่องอะไรน่ะ
เผยอิงถอนหายใจ ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง
แค่ขอโทษ…เขาก็ทำไม่ได้เหรอ
ตารางการถ่ายทำที่แสนจะยุ่งทุกวันหมายความว่าเธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องซ่งหนานชวน และเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กสาวที่ชอบกินเนื้อกับเชฟหนุ่มนั้นมีประโยชน์กับนักแสดงหลายทาง
ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่ได้กิน
[เผยอิง] (ทางการ)
วันนี้พวกเราถ่ายฉากกินอีกแล้วค่ะ (ตะกละ) ทีมอื่นๆอาจจะไม่สนุกกับการถ่ายทำฉากกินข้าวเพราะว่าอาหารนั้นเป็นแค่ของประกอบฉาก รสชาตินั้นก็ไม่แน่ไม่นอน อาจจะเสียแล้วก็ได้ แต่อาหารทุกจานของเรานั้นเตรียมใหม่ๆ รสชาติก็อร่อยล้ำมาก ยูนิเวิร์สน่ะต้องรวยมากแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า (รูป) (รูป) (รูป)
แฟนคลับนั้นร่วมด้วยช่วยกันตอบอย่างกระตือรือร้น
“ขอให้เผยเผยน้ำหนักขึ้น 5 กิโลเถอะ สาธุ (ขอพร)”
“เผยเผย หลังจากละครจบแล้วแล้ว คุณจะกลายร่างจากเผยอิง เป็น เผย อ-อิง (ตัวอักษรจีนสำหรับตัวอิง ประกอบด้วยสองตัวอักษรค่ะ แฟนคลับคนนี้ตัดออกมาแยกกันเป็นสองตัว สื่อว่าเผยอิงจะอ้วนขึ้นนั่นเอง)
“อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน (ยิ้ม)”
“อย่าห่วงเลยเผยเผย คุณจะน้ำหนักขึ้นสักห้าโล หรือจะสิบเลยก็ตาม ผมก็ยังชอบคุณ (ยิ้ม)”
“ว้าว ฉันได้ยินว่าตระกูลอวี้นั้นเป็นคนเสนอสถานที่ถ่ายทำ ถ้าน้ำหนักเผยเผยไม่ขึ้นสิบโล ตระกูลอวี้คงจะเสียชื่อแน่ๆ (บ้องแบ้ว)
ซ่งหนานชวนนั่งอยู่ในห้องทำงานขณะที่เขาเห็นโพสเว่ยป๋อของเผยอิง ได้แต่จ้องรูปบนหน้าจอแบบสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เป็นเรื่องจริงที่ว่าเขามีจุดประสงค์ส่วนตัวในการเชิญทั้งกองออกไปทานข้าววันก่อน เขาอยากเห็นเผยอิง เพราะคิดว่าหลังจากเห็นหน้าเธอแล้ว เขาจะเลิกคิดถึงเธอสักที แต่ความจริงนั้นมันไม่ใช่ ตั้งแต่คืนนั้น ไม่มีช่วงเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงเธอแม้สักวินาที
“ซีอีโอซ่งครับ” เซียวจางเดินไปทางโต๊ะซ่งหนานชวน “เอกสารพวกนี้ต้องมีลายเซ็นคุณครับ”
“อืมม์” ซ่งหนานชวนเหลือบมองเอกสาร หยิบปากกาหมึกซึมขึ้นมาเซ็นต์
หลังจากเขาเซ็นชื่อแล้ว เซียวจางก็มองเอกสาร รู้สึกอายหน่อยๆ 囧. “ซีอีโอซ่งครับ เอกสารนี้ต้องลงนามเป็นชื่อคุณนะครับ”
“หือ” ซ่งหนานชวนมองผู้ช่วยตัวเองแบบงงๆ
“อา คือ…” เซียวจางคืนเอกสารให้ “คุณดูเองละกันครับ”
ซ่งหนานชวนก้มลงมอง ก่อนเห็นตัวอักษรน่าเกรงขามสองตัว เผย อิง
ซ่งหนานชวน “….”
เขารู้สึกว่าเขาไม่มีสติอะไรแล้ว ถอนหายใจลึกๆ เอนหลังพิงเก้าอี้หนัง “ปรินท์เอกสารมาอีกชุด ผมจะเซ็นใหม่”
“ตกลงครับ” เซียวจางไม่ได้หยิบเอกสารที่เซนแล้วไปด้วย แค่ออกจากห้องไปเฉยๆ
สายตาซ่งหนานชวนเลื่อนไปที่คำว่า “เผยอิง” บนเอกสารขณะที่ความคิดล่องลอยไป
หลายวันถัดมา ซิงเกิ้ลของเผยอิงก็ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ กวงเฉินเรคคอร์ดนั้นเตรียมกิจกรรมโปรโมตไว้มากมาย ตารางถ่ายภาพยนตร์ของเผยอิงนั้นก็แน่นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอก็ต้องแทรกการโปรโมตเพลงตัวเองเข้าไปเพิ่มด้วย
พอประกาศลงเว่ยป๋อ แฟนคลับเผยอิงก็ออกมาฉลองกันใหญ่
“ตอนนี้เผยเผยกำลังไปได้สวยเลย เยี่ยมไปเลย!”
“ปกอัลบั้มน่ะดูดีมาก เผยของฉันสวยสุดๆ ตื่นเต้นมาก”
“อิง อิง อิง (น้ำตาแห่งความดีใจ) ฉันคิดว่าคราวนี้เผยอิงน่ะจะดังสุดๆไปเลย รู้สึกเหมือนลูกสาวฉันกำลังจะแต่งงานออกไปเลย qwq”
“โปรดิวเซอร์คือเฉียวอี้เฉินเหรอเนี่ย… หัวใจฉันเจ็บปวดสุดๆตอนที่คิดว่าเธอโดนด่าแหลก (บ้องแบ้ว)”
ซ่งหนานชวนที่แอบตามเว่ยป๋อเผยอิงเงียบๆรู้ข้อมูลนี้เป็นครั้งแรก เขาเช็คเวลาและเห็นว่าโซโล่ของเธอจะถูกปล่อยอีกสองวัน เขาโทรหาเซียวจางและสั่ง “ซื้อแผ่น ‘ผลิบาน’ ของเผยอิงให้ผมพันแผ่น ในอีกสองวันตอนมันวางขาย”
“…คุณต้องการจำนวนขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เซียวจางพูดเสียงดังลั่น
ซ่งหนานชวนตอบ “อืมม์ แจกพนักงานทุกคนคนละแผ่น”
“…ได้ครับ ขอบคุณครับ ซีอีโอซ่ง”
สองวันถัดมา ซิงเกิ้ลของเผยอิง ‘ผลิบาน’ ก็วางขายบนชั้นและร้านค้าออนไลน์
วันนั้นแฟนคลับจำนวนมากก็ซื้อเพลงไป มีแฟนคลับปริศนาคนหนึ่งนั้นเหมาไปถึงสองหมื่นหยวน ทำเอายอดขายพุ่งทะยานขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของตารางเลยที่เดียว
แฟนคลับที่เฝ้ามอง “…เสี่ยใจปล้ำที่ไหนกันเนี่ย”
เพลงที่เฉียวอี้เฉินโปรดิวซ์นั้นถือว่าผ่านการรับรองขั้นหนึ่ง วันแรกที่ ‘ผลิบาน’วางขาย ไม่ใช่แค่ยอดขายและติดแรงกิ้งอันดับหนึ่งเท่านั้น แต่ตัวเพลงเองก็ดังพอสมควร
แน่นอนว่าคำชื่นชมย่อมมาพร้อมกับคำติเตียน ยังไม่ทันข้ามวันก็มีคนออกมากล่าวหาว่าเผยอิงคงไม่กล้าร้องเพลงนี้สดๆหรอก
ทุกคนนั้นคุ้นเคยกับวงการนี้ดี ตอนแรกก็เป็นซีหม่าเซียวเซียว และก็มีจักรพรรดินี่ติ่งเมิ่งที่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว แต่พอเทียบระดับความยากแล้ว ผลิบานนั้นก็ไม่ได้ยากเท่าเพลงของสองคนนั้น ดังนั้นชาวเน็ตส่วนใหญ่เชื่อว่า ถึงเผยอิงนั้นจะไม่ใช่นักร้องก็ตาม แต่ถ้าต้องร้องสด คงไม่ได้แย่ขนาดนั้น
กวงเฉินใช้กระแสนี้จัดงานแจกลายเซ็นให้เผยอิงถึงสองรอบ ถึงจะมีระยะเวลาแค่สี่สิบนาที แต่ก็เป็นสี่สิบนาทีที่เธอต้องแบ่งเวลามาจากการถ่ายหนัง
ทั้งสองงานจัดขึ้นในเมือง A แฟนคลับในเมือง A นั้นตื่นเต้นกันสุดๆ รวมตัวกันตั้งแฟนคลับเมือง A ให้เผยอิง
งานแรกนั้นจัดขึ้นที่ห้างซิง (ดวงดาว) หลังจากเผยอิงถ่ายหนังตอนเช้า ก็รีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที ถึงขนาดที่ต้องเปลี่ยนชุด และแต่งหน้าในรถตู้ระหว่างทางด้วยซ้ำ
เฉินเซิงที่รอที่อยู่ที่ห้างซิงนั้นเมื่อเห็นเธอก็อดถามไม่ได้ “เธอกินข้าวหรือยังเนี่ย”
เผยอิงพยักหน้า “ฉันกินขนมปังไประหว่างทางมาที่นี่น่ะค่ะ น่าจะพอสำหรับงานนี้อยู่”
“ดีแล้ว พิธีกรรออยู่หลังเวที ไปได้เลย”
“ได้ค่ะ” เผยอิงมุ่งหน้าไปที่หลังเวที และเจอพิธีกร ที่ทวนคิวงานให้ฟังก่อนงานแจกลายเซ็นจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ด้านล่างเวทีนั้นมีแฟนคลับที่มีซีดีและป้ายจำนวนมาก พวกเขาถึงกับถือป้ายแนวนอนขนาดใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เผยอิงจะพบปะกับแฟนคลับต่อหน้า ดังนั้นการได้พบปะครั้งนี้เธอจึงซาบซึ้งใจมาก
พอเธอก้าวเท้าขึ้นมาบนเวที แฟนคลับก็เรียกชื่อเธอเสียงดัง บนเวทีนั้นพิธีกรส่งยิ้มพูด “สวัสดีค่ะทุกท่าน นี่เป็นงานแจกลายเซ็นครั้งแรกสำหรับ ‘ผลิบาน’ ของเผยอิง พวกเราจะเริ่มงานณ บัดนี้”
พอเสียงพิธีกรหยุดลง ฝูงชนก็ส่งเสียงให้กำลังใจอีกครั้ง พิธีกรส่งไมค์ให้เผยอิง บอกเธอ “ทักทายแฟนๆหน่อยสิคะ”
เผยอิงยิ้ม โบกมือให้แฟนๆ “สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันเผยอิงค่ะ”
เสียงเปล่งขึ้นมาจากด้านหลังเวทีเป็นจังหวะ “ เผยเผย! เทพธิดาเผย! ขายาว! และฉายาต่างๆ”
พิธีกรทำมือให้ทุกคนเงียบ ก่อนเธอจะพูด “ผลิบานของเผยอิงนั้นเรตติ้งสุดยอดมาก ในเมื่อวันนี้เธออยู่ที่นี่แล้ว ทุกคนอยากได้ยินเธอร้องให้ฟังสดๆหรือเปล่าคะ”
“อยาก!!!” เหล่าแฟนคลับร้องอย่างตื่นเต้น
ข้างเวทีนั้นเฉินเซิงรู้สึกหัวใจหล่นหาย
เฉียวอี้เฉินนั้นเคยบอกเขาว่ามีท่อนหนึ่งที่พวกเขาอัดประโยคต่อประโยค ถ้าเธอร้องสด ก็จะรู้กันหมด นี่คือเหตุผลที่เขากำชับคนจัดงานไว้ว่าจะเป็นแค่งานแจกลายเซนโดยไม่มีการร้องเพลง
พิธีกรคนนี้กำลังทำอะไรเนี่ย