หลงเสียงคุณเข้าเต็มเปา 27

บทที่ 27 – ปลาราดพริก (5)
โอ้ พระเจ้า…
มีเสียงหวี่ๆดังขึ้นในสมอง และสมองเธอก็ว่างเปล่าทันที
เธอสัมผัสได้ว่าสายตาชายวัยกลางคนที่มองเธอนั้นอ่อนโยนเป็นมิตรขึ้นหลายระดับทันตาเห็น เขาพูดอะไรประมาณว่า เขาไม่ได้เจอพ่อแม่โม่ชิงเฉิงมาสักพักแล้ว แม้แต่การกินข้าวระหว่างครอบครัวนั้นยังจัดได้ยากเลย … โม่ชิงเฉิงพูดอะไรนะ เหมือนว่าทั้งคู่ไปผ่าตัดข้างนอก…
กู่เชิงรู้สึกว่าตัวเองลอยได้ เธอตัวแข็งทื่อ
กู่เชิง ตื่นได้แล้ว ตื่นเถอะ
รีบตื่นได้แล้ว
“พ่อแม่เฉิงเฉิงส่วนใหญ่จะยุ่งมาก ถ้าเธอมีเวลา มากินข้าวที่บ้านลุงเล็กได้นะ” ประโยคนี้ดึงเธอออกมาจากโลกตัวเองก่อนส่งเธอไปสู่อีกโลกหนึ่งทันที… คำตอบกู่เชิงนั้นเหมือนเป็นคำตอบรับจากปฏิกิริยาอัตโนมัติ พร้อมรอยยิ้มสุภาพเรียบร้อย ลุงเล็กหันจากไป
“ฉันต้องไปโรงพยาบาล” โม่ชิงเฉิงบอก “ฉันไปส่งเธอหน้าร้านของชำดีไหม”
กู่เชิงทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เธอคุยธรรมดากับโถวไผไม่เป็นเลย … สายตาเคลื่อนไปมา แต่ไม่กล้ามองตรงๆไปที่เขา
เขาหัวเราะ “ไปเถอะ ฉันค่อนข้างรีบ”
สีแดงบนแก้มเธอนั้นเข้มขึ้นอีกหลายเฉด
เธอสาบานได้ เธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เธออ่านนิยายรักและดูละครไอดอลมาตั้งหลายเรื่อง…ไม่มีเรื่องไหนเลยที่บอกเธอว่าเธอควรทำยังไงถ้าจู่ๆมีคนเรียกเธอว่าแฟนน่ะ… โดยเฉพาะเมื่อคนคนนั้นคือโถวไผ เธอจะทำยังไงดี…
“เชิงเชิง?” เสียงทุ้มๆนั้นดึงเธอออกจากภวังค์
“หือ” เธอตอบ “เอ้อ ไปกันเถอะค่ะ ”
เธอก้มหน้าก้มตาเดินตามเขาไป รอเขาเปิดล็อคก่อนเปิดประตู นั่งลงข้างคนขับ ทำเหมือนโม่ชิงเฉิงเป็นแค่อากาศ หรือจะบอกว่า เธอทำเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุมากกว่า… สิ่งเดียวที่เธอต้องการตอนนี้คือการไปถึงร้านของชำให้เร็วที่สุด แม้เธอจะตั้งใจมองวิวภายนอกกระจก แต่ก็อดเห็นมือเขาที่ขยับเลื่อนช่องแอร์ ก่อนเลื่อนมาวางบนพวงมาลัย
รถเคลื่อนตัวออกนอกหมู่บ้านไปถนนใหญ่
วันวาเลนไทน์นั้นมีรถมากมาย …
กู่เชิงพยายามสนใจฝูงรถข้างหน้า
เธอแกล้งทำว่า…เมื่อกี้…เธอไม่ได้ยินอะไรเลยได้ไหม …
“ร้อนหรือเปล่า อยากถอดเสื้อขนเป็ดไหม” เขาถาม
เสียงที่เขาถามเธอนั้น เป็นเสียงเดียวกับที่เขาใช้ร้องเพลง “เพลงที่ยังไม่สิ้นสุด” ให้เธอฟัง – ทุ้มต่ำ สม่ำเสมอ และมีเสน่ห์
เธออยากทำใจเย็นๆ ทำตัวสงบนิ่งสุขุม เธออยากคิดว่าสัมพันธ์ยุ่งเหยิงระหว่างเธอกับโถวไผนั้นเป็นยังไงกันแน่ แต่เธอยิ่งคิด เธอก็ยิ่งสับสน… แต่เธอก็ไม่อาจไม่ซื่อสัตย์ต่อหูตัวเอง
เสียงนี้คือเสียงที่เธอรัก
เสียงที่เธอรัก…
เธอถอดเสื้อแจ็คเก็ตเงียบๆ วางบนตัดแล้วกอดไว้
เสียงที่เธอรักนั้นกลับเป็น “ครั้งแรก” ของเธอ ซ้ำๆ ครั้งแรกที่เธอให้ช่องทางติดต่อกับคนที่รู้จักในโลก 2-D ครั้งแรกที่เธอนัดเจอคนจากโลกออนไลน์ ครั้งแรกที่เธอไปทานข้าวเย็นกับผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติหรือเพื่อนร่วมชั้น และครั้งแรกที่เธอไปเที่ยวกับผู้ชายวันวาเลนไทน์… และถูกเรียกว่าแฟน T.T
แล้ว…
ตอนนี้เธอกับโถวไผ…จริงๆแล้ว…เป็น…แฟน…กันหรือยังน่ะ T.T
ความคิดเธอว่างเปล่า เหมือนกับเกิดภัยพิบัติอะไรสักอย่าง แค่คำว่า “แฟน” ก็ทำให้หัวใจเต้นแรงจนเธอต้องพยายามลบความคิดนั้นจากสมอง เธอไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้อีก
ศูนย์แสดงสินค้านั้นใกล้โรงพยาบาลมาก ไม่นานนักรถก็หยุดลงฝั่งตรงข้ามร้านของชำของครอบครัวกู่ พอเธอเห็นร้าน เหมือนเธอเห็นเรือช่วยชีวิต และมีความกล้าพอที่จะพูดบางอย่างแล้ว
“ฉันไปก่อนนะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ
“ฉันจะรีบทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด มาทานข้าวเย็นด้วยกันไหม”
“เอ๊ะ ไม่เป็นไรค่ะ” กู่เชิงโพล่งคำปฏิเสธออกมา ขณะจ้องเขาด้วยสีหน้าตะลึง แต่พอเธอมองดวงตางดงามคู่นั้น ก็ใจอ่อน “คืนนี้ฉันต้องกลับบ้านไปทานข้าวเย็นค่ะ ไว้วันหลังนะคะ…”
เขาตอบ “อืมม์” ก่อนคว้าเป้จากที่นั่งด้านหลัง ส่งให้เธอ “ข้ามถนนระวังๆล่ะ”
“อืมม์”
“เดี๋ยวคืนนี้โทรไป”
“อืมม์”
กู่เชิงรับกระเป๋าไป เอื้อมเปิดประตู หาทางหนี
โม่ชิงเฉิงกลับคว้าแขนเธอไว้แบบไม่คาดคิด เธอหันไปมองเขาด้วยสีหน้าตกใจและงงสุดๆ “สวมเสื้อแจ็คเก็ตก่อน สะพายเป้แล้วค่อยออกจากรถสิ” เขาพูดจบก็หัวเราะออกมาแบบกลั้นไม่อยู่
……
……
หน้ากู่เชิงร้อนฉ่าจนทอดไข่ได้เลย ภายใต้สายตาเอาใจใส่ เธอทำตามอย่างเชื่อฟัง ก่อน…เหลือบมองเขา ไม่มีคำคัดค้าน เธอเปิดประตู ลงจากรถ เหมือนคนในรถตั้งใจมองเธอข้ามถนนก่อนเขาจะไป
กู่เชิงรู้สึกเหมือนอายุน้อยลงไปห้าปี เหมือนเธอเป็นเด็กสิบหกสิบเจ็ด เธอทำอะไรไม่รู้ ไม่รู้จะเอามือเอาไม้ไว้ไหน
โชคดีจริงๆที่การข้ามถนนเป็นไปอย่างราบรื่น และเธอก็เดินเข้าไปในร้านของชำ
ลูกพี่ลูกน้องเธอยื่นอยู่ตรงหลังเคาทเตอร์คิดเงิน กำลังคิดเงินให้ลูกค้าอยู่ เขาส่งเงินทอนให้ ก่อนมองมาทางเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “เพิ่งฉลองวาเลนไทน์มาเหรอ เธอบอกว่าจะไม่กลับบ้านอาทิตย์นี้ไม่ใช่เหรอไง แล้วกลับมาทำไมล่ะ”
……
เธอจะรู้ได้ไงล่ะ
แผนเธอคือกลับโรงเรียนนะ แต่โถวไผบอกว่าเขาจะมาส่งเธอที่ร้านของชำ เลยตามเขามาแบบเชื่อฟังเนี่ยไง
T.T
วันนี้เป็นวันหยุดใหญ่ ดังนั้นจึงมีลูกค้ามากมาย จนญาติผู้พี่ไม่มีเวลามาแซวเธอ กู่เชิงเดินไปตรงตู้แช่ หยิบโคล่าออกมาหนึ่งกระป๋อง เธอเปิดกระป๋องดังเป๊าะ ก่อนดื่ม ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เธอดื่มอั๊กๆลงไปหลายอึก
แฟนสาว…
แฟนหนุ่ม…
เธอกับโถวไผ
พวกเขาทำอีท่าไหนถึงกลายเป็นแฟนกันได้ละเนี่ย …
จริงเหรอ?
ไม่มีทาง?
เธอดื่มโคล่าอีกหลายอึก ก่อนรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเธอ
เธอเอียงคอ ก่อนสังเกตุเห็นตงยี่หรูยืนอยู่ข้างๆ ดวงตาสุกใสเป็นประกาย จ้องเธอแบบไม่กระพริบตา…
มีอะไรเหรอ… เธอจะขอหยุดหรือเปล่า หรือว่า…” กู่เชิงรู้สึกขนลุก เพราะสายตาคู่นั้น
ตงยี่หรูจ้องเธอนิ่ง “เชิงเชิงม่าน? เชิงเชิงม่าน!”
โคล่าเกือบพุ่งออกมาจากปาก เธอสำลัก ปิดปาก ก่อนไออย่างหนัก ตงยี่หรูรับกระป๋องไป แต่ยังจ้องเธอเหมือนเธอเป็นมนุษย์ต่างดาว กู่เชิงไอจนน้ำตาร่วง เธอเริ่มหายใจทัน ก่อนได้ยินเสียงเด็กสาวพูดต่อ “ทำไมฉันไม่เคยรู้ ตั้งแต่ฉันรู้ว่าคุณกับไอดอลของฉันคบกัน ฉันก็ไปขุดงานอัดเสียงคุณมาฟัง ตั้งแต่งานฉลองวันเกิด งานร้องเพลง ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าคุณเป็นคนเดียวกัน นี่มันยอดไปเลย ยอดไปเลย!”
ตงยี่หรูตื่นเต้นจนพูดไม่ปะติดปะต่อ
กู่เชิงรู้สึกว่าเธออยากจะบ้า
“ไม่ใช่…”
“เธอใช่”
“ฉันไม่ใช่จริงๆ…”
“ฉันดูไม่ผิดหรอก ฉันแน่ใจว่าเป็นเธอ ต้องใช่เธอ เหมือนกันเป๊ะ”
“……”
ตงยี่หรูสัญญาด้วยเสียงมั่นคง “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่บอกใครหรอก!”
กู่เชิงยอมรับความพ่ายแพ้ถาม “เธอรู้ได้ไงว่าฉันคือ … เชิงเชิงม่าน?”
เธออยากขุดรูฝังตัวเองในนั้นจริงๆเลย…
“เพราะชะตาเข้าข้างฉันน่ะ” ตงยี่หรูดึงมือถือออกมาจากกระเป๋า ด้วยทีท่าลึกลับ เธอโชว์ทวีตในเว่ยป๋อ “โม่ไป๋เพิ่งโพส แล้วเหล่าต้าต้าก็รีทวีตกันใหญ่ แล้วจู่ๆโม่ไป๋ก็ลบโพสทันที… แบบลบภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น อ๊ายย! แต่ฉันเห็นทัน!”
ทวีตที่เธอบอกนั้นเป็นเว่ยป๋อของโม่ไป๋
โพสนั้นโดนลบไปแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะลบ โม่ไป๋รีโพสเขียน: ขอโทษคร๊าบบ ผมจะลบแล้ว =。=
กู่เชิงรู้สึกแย่สุดๆ
หลังจากการค้นพบของเธอว่ากู่เชิงคือเชิงเชิงม่าน ตงยี่หรูรู้สึกภาคภูมิอย่างยิ่ง “ภรรยาไอดอลฉันกับฉันนั้นเป็นพี่น้องกัน” และเป็นมิตรกับเธอมากขึ้นเป็นร้อยเท่า “เชิงเชิง เธอสบายใจได้เลย ฉันจะไม่บอกว่าเธอเป็นใครแน่ๆ ฉันสาบานว่าจะเก็บเป็นความลับ! อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด เธอไม่รู้หรอกว่าฉันตื่นเต้นแค่ไหนตอนรู้ว่าเป็นเธอน่ะ” ตงยี่หรูเอามือวางบนอก “ฉันรู้จักนายหญิงของโถวไผด้วย ฉันอยากร้องไห้สุดๆเลย…”
“เขาโพสอะไรน่ะ”
กู่เชิงรู้สึกอยากร้องไห้ด้วย T.T……
“เป็นรูปด้านหลังเธอน่ะ เขาไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษหรอก แต่พออีตาหน้าตายมู่รีโพส ทุกคนก็เข้าใจกันหมด”
……
……
ตงยี่หรูไม่สังเกตุเห็นสีหน้าแข็งทื่อของกู่เชิง เธอเปิดหน้าเพจเว่ยป๋อของมู่มู่ ตรงหน้าโพสที่ตอนนี้เขียนว่า “โพสนี้ถูกลบไปแล้ว” เขาเติมไปหนึ่งประโยค: เฮ้ นี่มันโถวไผกับภรรยานี่

Leave a comment