หลงเสียงคุณเข้าเต็มเปา 32

หลงเสียงคุณเข้าเต็มเปา 32 – เนื้อตุ๋นในถ้วย 2
“สถานีถัดไป…”
เสียงผู้หญิงที่ประกาศชื่อสถานีต่อไปเป็นภาษาจีนกลางดังขึ้นในรถไฟ
มีคนเดินออกไปและคนเดินเข้าไป สถานีที่เป็นจุดเปลี่ยนและขึ้นชื่อว่าคนพลุ่กพล่านและเบียดเสียดมาก แค่เสี้ยววินาที รถไฟก็อัดแน่นด้วยผู้คน โชคดีจริงๆที่เธอยืนอยู่ตรงมุม และมีโม่ชิงเฉิงบังด้านนอกให้เธอเลยไม่ต้องห่วงว่าจะถูกกระแทกหรือเบียดกับคนอื่น
แต่ก็อดสงสารเขาไม่ได้…
พอเธอเห็นจำนวนคนด้านหลังเขา เธอก็ดึงชายเสื้อเขาแบบขอโทษ เงยหน้าขึ้นมองเขา “ก้าวเข้ามาอีกนิดสิคะ…” พูดจบ เธอก็พยายามหดตัวเข้ามุมอีกหน่อย
ดูเหมือนว่าโม่ชิงเฉิงอยากกันที่ไว้ให้เธอ แต่คนด้านหลังนั้นดันเข้ามาชิดเขาเลยต้องขยับมาใกล้เธอมากขึ้นอีก
เสียงของจินนั้นยังดังอยู่ในหู…
คนตัวเป็นๆนั้นอยู่ใกล้นิดเดียว…
กู่เชิงหายใจออกเบาๆ “อีกสี่สถานี…”
“อืมม์”
T.T……
ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว…
เธอนึกเรื่องที่กลุ่มสาวๆในห้องเดียวกันคุยกันตอนดึกๆ ตอนมหาวิทยาลัยปีสองขึ้นมาได้ ตอนที่สาวอีกสองคนในห้องเริ่มเดท คนหนึ่งบอกว่าเธอชอบผู้ชายคนนี้เพราะเธอเห็นเขากัดหลอดตอนดื่มน้ำอัดลม กัดปลายปากกาตอนกำลังทำการบ้าน และก็กัดปากขวดตอนดื่มน้ำ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ เธอรู้สึกว่ามันน่ารักมากจนทำให้ใจสั่นไหว… สามคนที่เหลือได้แต่ถอนหายใจเพราะว่าเป็นเหตุผลในการคบกันที่ฟังดูติ๊งต๊องมาก…
แต่ตอนนี้น่ะเหรอ…
เธอเป็นคนรักเสียงมาโดยตลอด และเชื่อว่า แฟนในอนาคตของเธอต้องมีเสียงไพเราะ และออกเสียงภาษาจีนกลางได้ถูกต้อง แต่…เธอ…กำลังจะคบ…กับใครสักคน…เพราะเหตุผลแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ
น่า…ทึ่ง…มาก
ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วหลังจากที่เขาขอเธอเป็นแฟน
แฟน…แฟนสาวของเชียงชิงจื่อ…
ริมฝีปากกู่เชิงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแบบไม่รู้ตัว ดวงตาเธอมองไปเบื้องหน้า ผ่านใต้วงแขนไปยังซิปกระเป๋าเป้ของคนด้านหลังเขา… แค่ไม่ต้องมองเขาก็พอ และทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่ได้มองเขาอยู่
แต่ภาพโดยรอบ เธอก็ไปกะเกณฑ์อะไรไม่ได้เลยนี่สิ
T.T…
หนึ่งสถานี…สองสถานี… คนเข้ามาในรถไฟมากขึ้นเรื่อยๆ โม่ชิงเฉิงโดนเบียดมากขึ้นเรื่อยๆจนเขาต้องใช้ข้อศอกเพื่อยันรอบๆตัวเธอแทนมือ ดังนั้น…เขาเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นอีกแล้ว
ผิวเขา…ดีมากเลย…
T.T…… แม้เธอจะไม่อยากมอง ก็ห้ามไม่ได้
“อีกเดี๋ยวพอถึง เธอลงรถแล้วตรงไปเลยนะ เดินไปทางประตูทางออกสองแค่ห้านาทีก็ถึงมหาลัยแล้ว”
“อืมม์” เธอรู้เรื่องนี้ดี เธออยู่มหาลัยนี้มามากกว่าสามปีแล้วนะ…
“ถ้ามีคนแปลกหน้ามาคุยด้วย ก็ไม่ต้องไปสนใจนะ”
“อืมม์” T.T … เขาทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆงั้นแหละ …
“ฉันคงไปส่งเธอที่มหาลัยต่อไม่ได้ ฉันต้องรีบข้ามไปอีกด้านกลับเลยน่ะ”
“อืมม์…”
“เธอจะโกรธหรือเปล่า”
“หือ?” เธอเงยหน้าขึ้น เกือบกระแทกจมูกเขา เธอถอยหลังไม่ได้จึงได้แต่เบิกตากว้างมองตาคู่นั้นตรงหน้าเธอ — ดวงตาที่แสนงดงามจนทำให้ใครต่อใครอิจฉา ริษยา และเกลียดได้ — ก่อนตอบ “ไม่โกรธหรอกค่ะ ทำไมฉันต้องโกรธด้วยล่ะ… คุณต้องไปงานทางการนิน่า ถ้าคุณไปสายคงจะไม่ดีเท่าไร ที่จริงคุณไม่ต้องมาส่งฉันก็ได้ ฉันกลับเองได้ค่ะ”
พอรถไฟใกล้สถานี พวกเขาก็เบียดคนออกมาตรงประตู ขณะที่เขาพยายามใช้ตัวกันเธอไว้จากฝูงคน
ทั้งคู่เหมือนเข้าสู่โหมดต่อสู้ทันทีระหว่างที่พยายามออกจากรถไฟ พอรถไฟเคลื่อนออกไป โดยรอบนั้นก็เงียบลงมาก กู่เชิงกอดเสื้อขนเป็ดไว้ในอ้อมแขน บอกลาเขา ก่อนรีบขึ้นบันไดเลื่อนจากไป
บันไดเลื่อนขึ้นช้าๆ ขณะที่โถวไผก้าวเข้าไปในรถไฟมุ่งหน้ากลับ
เฮ้อ…
ในที่สุด…ก็ถึงมหาลัยเสียที
เธอหันไปมองรถไฟเป็นครั้งสุดท้าย ควักบัตรโดยสารออกมาจากกระเป๋า เธอยังรู้สึกเหมือนลอยได้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ที่จริงเธอไม่ได้คิดอะไรเลยนั่นแหละ
ในหอพักนั้นมีเธอคนเดียว
เธอเหลือบมองเวลา อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาแข่ง เธอเปิด YY ก่อนเข้าสู่ห้องแข่งขัน ก่อนที่จะได้ยินพิธีกรเปิดเพลงที่อัดไว้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมง แต่ในห้องมีคนออนไลน์มากกว่าหมื่นห้าพันคน เยี่ยมไปเลย… เธอหยิบหนังสือจากชั้นก่อนเปิดอ่านผ่านๆ
เสียงและสีหน้าของโม่ชิงเฉิงอยู่ดีๆก็ผุดขึ้นมาในสมอง
ฉันชอบเธอมากนะ
เป็นแฟนฉันได้ไหม
แล้วถ้าพวกเราเหมาะสมกันล่ะ
ถ้าไม่มีการเริ่มต้น เราก็ไม่รู้ตอนจบสิ ใช่ไหม?
……
……
ไม่ดีเลย เธอไม่มีสมาธิอ่านหนังสือสักนิด T.T……
โชคดีจริงๆ การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว
ขณะที่เธอกำลังจะหาชื่อเชียงชิงจื่อนั่นเอง หน้าต่างคุยส่วนตัวก็เด้งขึ้นมา
เชียงชิงจือ: ถึงบ้านแบบไม่มีปัญหา
กู่เชิง: (⊙v⊙) อืม.
เชียงชิงจือ: เล่นคนเดียวไปก่อนนะ ฉันต้องเริ่มแล้วล่ะ
กู่เชิง: อืมม์
เธอพบว่าเธอติดโถวไผมา และได้แต่ “อืมม์” ตอบเขาจนเป็นนิสัย… แต่กรณีของโถวไผนั้น เพราะเขาพึ่งตื่นนอน และใช้ “อืมม์” ตอบคำถามอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สำหรับเธอ…เพราะเธอไม่รู้จะพูดอะไรดีน่ะสิ
“เอาล่ะทุกคน ขอเริ่มต้นด้วยการแนะนำกรรมการสี่ท่านของวันนี้” เสียงพิธีกรสาวดังขึ้นผ่านหูฟัง “พวกเขาคือ นักออกแบบวีดีโอ อาจารย์เฉินหมิง นักออกแบบเสียง อาจารย์จ้าวเทียนอี้ นักแสดงเสียง อาจารย์จางเสี่ยวโอว และนักแสดงเสียง อาจารย์เชียงชิงจือ.[1]
พอชื่อของเชียงชิงจือถูกประกาศ ก็มีคนจำนวนมากที่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที …
แฟนคลับขาประจำของเขานั้นอยู่ในสภาวะเรียบร้อยดูดีมาก กู่เชิงเปิดรายชื่อคนออนไลน์ด้านซ้ายมือ จำนวนคร่าวๆนั้น…มากกว่าหนึ่งพันคน แอดมินระดับสูงสิบคนพยายามควบคุมแฟนคลับอย่างเข้มงวด
*เอาหน้าซุกมือ* …
นี่คือเสน่ห์ของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ แฟนคลับเขานั้นไม่เคยทำให้เขาหรือตัวเองขายหน้าโดยการฟลัดหน้าจอหรือวิจารณ์คนอื่นเสียๆหายๆ ……
เธอเริ่มรู้สึกภูมิใจแบบไม่มีเหตุผล…
แต่พวกเขาไม่สามารถควบคุมแฟนคลับขาจรที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มแฟนคลับทางการได้ คุณก็ต้องปล่อยให้คนตื่นเต้นบ้างเนอะ T.T……
นี่เป็นงานที่น่าประทับใจงานหนึ่ง และพิธีกรสาวก็สามารถควบคุมการดำเนินรายการได้อย่างดี ใช้บรรยากาศตื่นเต้นเพื่อแนะนำการแข่งขันช่วงแรก “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราจะเริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันคนแรกขึ้นไมค์เลยค่ะ ––”
ไม่รู้ทำไม กู่เชิงอดมองไอดีเชียงชิงจือไม่ได้
เธอก็นั่งอยู่ตรงนั้นในฐานะผู้ชม ฟังผู้เข้าแข่งขันคนแล้วคนเล่าถ่ายทอดบทที่ระบุไว้ รวมไปถึงบทที่พวกเขาเลือกเอง มีเสียงที่ฟังออกว่าตื่นเต้นสุดๆ และก็มีเสียงที่ฟังดูมั่นใจ เย่อหยิ่ง… สนุกจริงๆที่ได้ฟังพวกเขา
จู่ๆก็มีคนเอ่ยชื่อเธอในห้อง:
“ฉันเห็นเชิงเชิงม่านด้วย…” “ไหน ไหน” “เธออยู่จริงๆด้วยแหละ นายหญิงน้อยมาจริงๆด้วย อ๊ายๆๆๆๆ……”
เธอแน่นหน้าอก
แค่เสี้ยววินาทีแห่งความสับสน มีข้อความส่วนตัวจากคนแปลกหน้าเด้งขึ้นมา: นายหญิงต้าเหริน รีบออกจากห้องสิ เปลี่ยนไอดีแล้วค่อยเข้ามาใหม่ …”
คำหนึ่งบรรทัดที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาบนหน้าจอนั้นเป็นคำเตือนที่สายเกินไป เสียงแจ้งเตือนถี่ๆดังขึ้นผ่านหูฟังราวกับพายุบ้าคลั่งโหมกระหน่ำ ไม่ได้เว่อร์นะ แต่เป็นพายุคำขอเป็นเพื่อนที่บ้าคลั่ง…… จนคอมเธอ…ค้างสนิท…ภายในพริบตา …
T.T… คอมค้างสนิท…
เธออยากออกจากห้อง YY แค่นั้นเธอยังทำไม่ได้เลย ได้แต่รีตาร์ทเครื่องใหม่เท่านั้น
ไม่นะ ไม่นะ ฟลัดห้องซะขนาดนี้…เธอต้องหาเรื่องมาให้โถวไผแน่ๆ… เธอรู้สึกประหม่าจนอยากจะบ้า ได้แต่นับเวลารอให้คอมรีตาร์ทเสร็จ แล้วก็รีบเปลี่ยนไอดีสำรองเข้าห้อง YY ใหม่อีกรอบ
โชคดีที่เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว
และการที่ไอดีหลักเธอออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้สถานการณ์ฟลัดนั้นไม่แย่เกินรับมือ
ด้วยความรู้สึกผิดอย่างยิ่ง เธอส่งข้อความส่วนตัวไปหาโถวไผ
เชิงเชิงม่าน: ฉันอ่อนประสบการณ์สุดๆ….ลืมเปลี่ยนไอดีอ่ะ … T.T
นี่เป็นผลกระทบของโถวไผรู้ไหม…
เธอเคยใช้ไอดีหลักเข้าห้องโน้นห้องนี้ได้สบาย แบบไม่มีใครสนใจสักนิด …
เชียงชิงจือ: *ลูบๆ* ใจเย็นๆ
……
……
T.T ใจเย็นได้ที่ไหน … หัวใจเธอเหมือนจะหลุดออกมาจากอกเพราะความกลัวแล้วนะ …
แล้วก็…
คำไม่กี่คำของเขา …
ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังละลายล่ะเนี่ย …
เธอวางมือบนคีย์บอร์ดกำลังจะพิมพ์ตอบ ตอนที่พิธีกรเอ่ยขึ้น :
“ขอเชิญอาจารย์เชียงชิงจือแสดงความคิดเห็นต่อผู้เข้าแข่งขันด้วยค่ะ”
นิ้วที่รัวคีย์บอร์ดของกู่เชิงนั้นชะงักลงทันที
เสียงนิ่งๆชัดเจนก็ดังขึ้นเข้ามาในหูฟัง ไม่เหมือนกับการโต้ตอบภายในบรรยากาศเฮฮาในสมาคมของเขา หรือสไตล์อ่อนโยนห่วงหาที่เขาใช้ตอนงานอีเวนท์ YY แต่ก็เป็นเสียงของเขา ที่สามารถขโมยหัวใจสาวๆในพริบตาที่เขาเอ่ยปากพูด แต่ตอนนี้ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นมืออาชีพ :
“นี่เป็นรอบแรกของการแข่งขันในคืนนี้ มีหลายคนที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงได้อย่างดี มีความตึงเครียดที่ส่งผลให้คำในบทนั้นดีขึ้น แล้วทำไมถึงไม่มีการให้คะแนนสูงๆเลยล่ะ พวกเรากรรมการมีความเห็นเหมือนกัน ถึงแม้เสียงพวกคุณจะดีมาก แต่การใช้บทและการถ่ายทอดบทนั้นยังไม่ลึกพอ” เขาหยุดนิดหนึ่ง “ผมจะอธิบายยังไงดี การแข่งขันคืนนี้จัดขึ้นเพื่อการพากษ์บทตัวละครในวีดีโอเกมส์ ตัวละครนี้มีความรู้สึก ที่มา และ ประสบการณ์ในการเติบโตของตนเอง เวลาเขาพูด เพราะว่าเขามีบุคลิกลักษณะของตัวเอง จึงมีกระบวนความคิดของตัวเองด้วย มีกระทั่งเป้าหมายในการพูด
“ใช่ พวกเราอาจจะไม่ได้ให้ข้อมูลพวกนี้ไปด้วย แต่นี่จะทำให้พวกคุณใช้แนวทางของตัวเองในการแสดงได้ ยกตัวอย่าง…” เชียงชิงจืออธิบายพร้อมรอยยิ้มในน้ำเสียง “ตัวอย่างเล็กๆจากผม ตัวละครนี้มีบทที่พูดว่า ‘เมื่อข้าเห็นเจ้าคุกเข่าในท้องพระโรงแล้วไซร้ ข้ารู้สึกว่า ชาติก่อนนั้นข้าขี้ขลาดอย่างยิ่ง’ มีผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่ถ่ายทอดบทแบบนี้ – –”
กู่เชิงฟังอย่างตั้งใจ
จุดนี้ก็มีความเงียบไปหนึ่งวินาที
และก็ได้ยินเชียงชิงจือเลียนแบบผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่ง โทนเสียงนั้นเหงาหงอยและสิ้นหวัง เขาพูดบทที่เสริมแต่ง “เมื่อข้าเห็นเจ้าคุกเข่าในห้องโถงใหญ่แล้วไซร้ ข้ารู้สึกว่า ชาติก่อนนั้นข้าขี้ขลาดอย่างยิ่ง” คำสุดท้ายนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าศร้อยและเน้นคำนั้นอย่างชัดเจน
เหมือนเป๊ะ!
เธอฟังผู้เข้าแข่งขันคนนี้ถ่ายทอดบท และถึงแม้มีข้อแตกต่างเล็กน้อย แต่โทนเสียง อารมณ์ ช่วงหยุด และทุกอย่างนั้นเหมือนต้นฉบับสุดๆ …
เชียงชิงจือกลับมาใช้เสียงปกติ “มันเศร้า เศร้าจริงๆนั่นแหละ…แต่ความรู้สึกนั้นมากเกินไป จะเห็นได้ว่าคุณพยายามใช้อารมณ์ที่เพิ่มลงไปในสคริปเพื่อเข้าถึงคนฟัง แต่สิ่งที่ขาดนั้นคืออารมณ์ที่สามารถจับใจพวกเรา กรรมการ — นั่นก็คือ ความรู้สึกของตัวละคร เชื่อผมเถอะ คนปกติไม่ได้พูดเหมือนกำลังเล่นละครหรอก”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง
“ประโยคนี้ ทุกคนสามารถใช้แนวทางของตัวเองในการวิเคราะห์ได้ คุณจะเลือกใช้โทนเสียงแบบประชดประชันตัวเอง เหมือนเกลียดตัวเองมานานแล้วก็ได้”
เขาใช้น้ำเสียงประชดตัวเองพูดบทอีกครั้ง เสียงนั้นราบเรียบแต่เท่ห์และเฉยเมย เสียงเขาแสดงถึงภาพผู้ชายที่อ้างว้าง พ่ายแพ้ ยืนพิงกำแพงในโบสถ์ ภาพของการเยาะเย้ยของตัวเองที่แสนเย็นชา คุณสามารถเห็นแววตาและสีหน้าของเขา ที่แสดงถึงการหมดหวังต่อตนเองและอนาคต…”
เขากระแอมก่อนพูดอีกครั้ง
“คุณจะเลือกให้ตัวละครรู้สึกผิดต่อดีต แต่ยังมีความหวังเหลืออยู่ก็ได้”
เขาพูดบทเดิมซ้ำ แต่ครั้งนี้ เต็มไปด้วยอารมณ์
ภาพที่ปรากฏขึ้นนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชายร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้าหญิงที่แสนรัก มองตาเธออย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่น…บอกเธอว่าเขารู้สึกผิดเพียงไหน…และความแน่วแน่ในแววตาที่สัญญาเรื่องอนาคตที่เขาจะมอบให้เธอ
T.T……
แล้วเขาก็พิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรเป็น…คนที่เธอชอบ คนที่เธอชอบมาโดยตลอด… เชียงชิงจือ.
ครั้งนี้ คนที่ฟลัดหน้าจอไม่ใช่แค่แฟนคลับเขาแล้ว คนเป็นหมื่นๆคนเหมือนกับระเบิดลง
“นี่คือสิ่งที่พวกเราเรียกว่ามืออาชีพ กรี๊ด ……” “กรรมการที่แสนใจดี กรรมการใจดีจริงๆ (⊙o⊙)……” “ต้าเหริน คุณใจดีกับผู้เข้าแข่งขันคนหลังๆมากเกินไปแล้ว อ๊ายๆๆ ! โค้ชให้ตรงนี้เลยอ่ะ อ๊ายๆๆๆ คนแข่งรอบแรกนี่น่าสงสารชะมัด อ๊ายๆๆๆ ” “โถวไผ ต้าเหริน คุณน่าดึงดูด เกินไปแล้ว !!!! เมื่อบุปผาเช่นคุณเบ่งบาน บุปผาร้อยพันดอกต้องร่วงโรย [2] อ๊ายๆๆๆ!!!!”
……
……
……
……
กู่เชิงนั้นทึ่งและนับถือเขาสุดๆ
โถวไผเริ่มสรุปความคิดเห็น เขาก็หัวเราะน้อยๆ ใช้เสียงทุ้มต่ำมีเอกลักษณ์พูด:
“ที่พวกเราไม่ได้ให้ประวัติของตัวละครเพราะพวกเราอยากให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนนำเสนอวิธีตีความของตัวเอง ไม่มีการตีความแบบไหนผิด แค่ทำให้พวกเรารู้สึกร่วมไปกับคุณก็พอ”
 
note-line-purple
[1] คนที่มีประสบการณ์น้อยกว่า หรือคนธรรมดา มักจะเรียก คนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งว่าอาจารย์ 老师 เสมอๆ เป็นการให้เกียรติค่ะ
[2] 花开后百花杀. มาจากบทกวีในราชวงศ์ถัง 《不第后赋菊 》“Failing the Imperial Examination, then a Poem for the Chrysanthemum” ‘สอบจอหงวนตก แล้วเขียนบทกวีชมดอกเบญจมาศ’ ประพันธ์โดย Huang Chao 黄巢. หวงเชา
โดยบาทนี้เอ่ยว่า เมื่อเบญจมาศบานสะพรั่ง ดอกไม้อื่นๆต้องร่วงโรยเพราะความงาม ยูสเซอร์คนนี้ใน YY ใช้บทกวีนี้มาเปรียบเปรยว่า ความสามารถของโถวไผนั้นโดดเด่นกว่าคนอื่นๆนั่นเองค่ะ

3 thoughts on “หลงเสียงคุณเข้าเต็มเปา 32

  1. เขินแทนเลยค่ะ ฉากบนรถไฟ ชิดขนาดหนาจะชนกันได้นี่ ไม่อยากจิ้นเลยว่าใกล้ขนาดไหน //เขิน
    รออ่านตอนต่อไปค่ะ สู้ๆ นะคะ

    Like

Leave a comment